เซี่ยซีไม่เคยเห็นสวีซุ่ยหนิงสุดโต่งเช่นนี้มาก่อน จึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ พูดว่า "ชั้นสองไม่สูงนัก แค่บนร่างกายได้กระดูกหักอยู่หลายส่วน แน่นอนว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต อาลู่ให้ฉันโทรมาบอกเธอว่า ให้เธอกลับไปก่อน”
เฉินลู่พูดอยู่เสมอว่า จะรีบออกมา แต่สุดท้ายเป็นเพียงการโทรศัพท์ส่งเธอ โชคดีที่ตอนนั้นเธอไม่รอ ไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็นเหมือนตัวตลกขึ้นมา
“หนิงหนิง เมื่อสองวันก่อน อาลู่ถามฉันว่า ฉันคิดยังไง กับการที่จะมาคืนดีกับเธอ” เซี่ยซีเหมือนจะต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา สถานการณ์ตอนนี้ แม้เธอเองยังรู้สึกสับสนเลย รับประกันได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น "แต่ฉันสามารถรับประกันได้ว่า ตอนนี้เขาไม่มีความคิดอย่างไรกับโจวอี้ เธอฟังป้าพูดนะ ครั้งนี้เขาทำไปเพราะในฐานะหมอเท่านั้น”
สวีซุ่ยหนิงจับโทรศัพท์โดยไม่พูดอะไร หลังจากเงียบไปนาน จึงพูดว่า "เฉินลู่สามารถรับโทรศัพท์ตอนนี้ได้ไหม?”
“เขาไปโทรหาพ่อแม่ของโจวอี้”
“อ้อ” สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรจะพูด เธอกำลังจะวางสาย ทางนั้นได้มีเสียงของเฉินลู่ดังขึ้นมา เขาคงโทรหาพ่อแม่ของโจวอี้เสร็จแล้ว
“ซุ่ยซุ่ย” เขาพูดอย่างเหนื่อยล้า “ตอนนี้เธอกลับไปหรือยัง? ฉันจะไปหาเธอช้าสักหน่อยนะ”
สวีซุ่ยหนิงมองลงไปที่พื้น และพูดว่า "หรือไม่ตอนนี้ก็มาเถอะ? พูดต่อหน้าเธอนายต้องกลับแล้ว”
เฉินลู่พูดว่า "ซุ่ยซุ่ย รอพ่อแม่ของเธอมาก่อนได้ไหม?"
สวีซุ่ยหนิง "ตอนนี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะไม่เห็นนายไปตลอดชีวิต”
เฉินลู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ซุ่ยซุ่ย ขอโทษนะ ฉันจะมาขอโทษเธอทีหลัง แต่โจวอี้กระโดดตึก พูดแรงๆ คือได้ถูกฉันบีบ ฉันกล่าวหาว่าหล่อนคอยสนับสนุนเจียงเจ๋อกับฟู่เล่อเล่อ ทั้งไม่ฟังหล่อนอธิบาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองจึงได้กระโดดตึกลงมา เรื่องนี้ฉันต้องรับผิดชอบ ฉันจัดการให้เรียบร้อย ซุ่ยซุ่ย ฉันไม่อยากติดค้างหล่อน”
“เฉินลู่ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนายเล่นนะ ฉันจะไม่เจอกับนายอีกจริงๆ”
ทางนั้นได้เงียบลงอีกครั้ง หลังจากผ่านไปนาน กลับกลายเป็นคำสั้นๆ ว่า "ขอโทษ"
สวีซุ่ยหนิงวางสายไปโดยไม่ลังเล
ลั่วจือเห้อมองดูเธออย่างเป็นห่วง ตอนแรกเธอยังดีๆ แล้วค่อยๆ จากนั้นเธอได้นั่งลงตามกำแพง กอดตัวเอง แล้วเอาศีรษะกดเข้าไปที่เข่า
“หนิงหนิง” ลั่วจือเห้อก็นั่งยองๆ ตรงหน้าเธอ เขาพูดอย่างเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น?”
สวีซุ่ยหนิงหัวเราะเยาะตัวเอง "ชีวิตนี้ของฉันช่างน่าสังเวชจริงๆ ชาตินี้ล้วนต้องอยู่ภายใต้เงาของโจวอี้ ทันทีที่ฉันคิดถึงเธอ ฉันรู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองดูไม่มีความสุขเลย นายว่า ฉันเจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปไหม?”
เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ และตัวก็ค่อยๆ เริ่มสั่นขึ้น “แต่ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอมากจริงๆ แม้ว่าเธออาจจะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ฉันก็แค่เกลียดเธอ แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้เลย ฉันรู้สึกว่าฉันหดหู่ ก็เพราะเธอ”
ลั่วจือเห้อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้จับเธอมาไว้ในอ้อมแขน พูดปลอบใจ “เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ว่าใครต่างมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบคนอื่น ฉันก็ไม่ชอบโจวอี้ นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
สวีซุ่ยหนิงพูดเบาๆ "ลั่วจือเห้อ ฉันไม่อยากเล่นเกมเอสเคปแล้ว”
เขาพาเธอออกไปข้างนอก สวีซุ่ยหนิงขาอ่อนแรงนิดหน่อย เขาได้ย่อตัวลงแบกเธอเดินออกไป
ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ชายคนหนึ่งแบกผู้หญิงไว้บนหลัง มันค่อนข้างกะทันหัน ทำให้ใครหลายๆ คนต่างหยุดมองพวกเขา แต่สวีซุ่ยหนิงก้มหน้าผากไปที่หลังของเขา จึงไม่ได้เห็นสีหน้าของผู้คนรอบตัวเขา สายตาของลั่วจือเห้อมองตรงไปข้าวหน้า และไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
เมื่อทั้งสองเดินออกจากห้าง ถึงรู้ว่าท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว ทางนี้ห่างจากที่พักของลั่วจือเห้อไม่ไกลนัก ระยะห่างสองสามร้อยเมตร เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ตัดสินใจแบกเธอเดินกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...