เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 39

"ก็แบบนี้แหละ" ยิ่งเธอออกแรงมากเท่าไร แผลก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น

เฉินลู่สัมผัสได้ถึงสิ่งที่เธอหมายถึง "ทนไว้เหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงเงียบและยอมรับโดยปริยาย

"เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเธอก็แอบหลั่งน้ำตาเพราะความเจ็บเนี่ยนะ?" เฉินลู่ย้อนถาม

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นี่ไม่ใช่เพราะข้างกายฉันไม่มีผู้ชายคนอื่นหรอกหรือไง แล้วนายเองก็ทำงาน ฉันไม่สามารถรบกวนนายได้ตลอดเวลา อีกสองวันเดี๋ยวฉันก็ว่าจะจ้างพยาบาลชายมาช่วยดูแลแล้ว"

เฉินลู่ชะงักงัน สายตาจ้องมองเธอ "ไม่รู้หรือไงว่าฉันสามารถมาหาเธอได้ตลอดเวลา? สวีซุ่ยหนิง รบกวนคนอื่นสู้ให้รบกวนฉันไม่ดีกว่าเหรอ ฉันเดินมาจากห้องทำงาน ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที อีกอย่าง จ้างพยาบาลชายมาให้เขารับฟังเสียงปัสสาวะเธอ ไม่อายหรือไง?"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เขาพูดมา เดิมทีเธอนึกว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรเสียอีก

หลังจากที่เฉินลู่ทำการผ่าตัดเสร็จ เขาแทบจะไม่ได้นอน เมื่อครู่ก็พักผ่อนไปเพียงไม่นาน ในเวลาอันรวดเร็วเขาล้มตัวลงบนโซฟาและกลับไปนอนต่อ

สวีซุ่ยหนิงเองก็เล่นโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ในเวลาเช้าเมื่อพยาบาลผลักประตูเข้ามา เธอเห็นเฉินลู่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยของสวีซุ่ยหนิงอีกครั้ง คนที่อยู่บนเตียงยังคงหลับอยู่ ส่วนเฉินลู่นั้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เขากำลังจะออกไปยังห้องทำงาน

เมื่อเห็นเธอ เฉินลู่พยักหน้าให้เธอเล็กน้อย

พยาบาลพลันนึกถึงเรื่องเมื่อวานนี้ที่เขาใช้มือจับข้อเท้าของสวีซุ่ยหนิง ทั้งยังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธอ เห็นได้ชัดว่าสนิทสนมกัน แต่ทว่าเขากลับบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ

เธอรู้สึกได้ว่าการคบหากันระหว่างสวีซุ่ยหนิงและเฉินลู่อาจจะอยู่ไม่ไกลนัก หญิงสาวที่ปฏิบัติต่อตนเองอย่างดี ไม่มีใครปล่อยให้หลุดมือไปหรอก

บ่ายวันนั้นเซี่ยซีและคุณย่าของเฉินลู่ก็ได้มายังโรงพยาบาล พยาบาลเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น

โดยเฉพาะคุณย่าของเฉินลู่ นำโจ๊กมาให้สวีซุ่ยหนิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อกำลังจะป้อนโจ๊กให้เธอ เซี่ยซีเอ่ยกับพยาบาล "รบกวนช่วยไปเรียกเฉินลู่มาหน่อย"

เมื่อเฉินลู่เห็นคุณย่าเฉิน สายตาของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

คุณย่าเฉินยิ้มและโบกมือให้กับเฉินลู่พลางเอ่ย "คนของแก แกมาป้อนเอง"

"ครับ" เฉินลู่ตอบรับด้วยท่าทีไร้อารมณ์ รับชามจากมือของเธอ นั่งลงข้างกายสวีซุ่ยหนิง

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเขานั้นดูผิดปกติเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า

คุณย่าเฉินหยิบกล่องเครื่องประดับจากกระเป๋าของเธอออกมาแล้วพูดด้วยท่าทีอ่อนโยน "หนิงหนิง ครั้งนี้เธอช่วยอาเฉินไว้ ย่าอยากจะขอบใจเธอ แต่ย่าเองก็อายุมากแล้ว ไม่รู้แฟชั่นสมัยนี้ ย่าทำได้เพียงแค่หยิบของเก่าแก่มาให้เธอได้เท่านั้น หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจของชิ้นนี้"

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็เปิดกล่องเครื่องประดับ ข้างในเป็นสร้อยคอที่มีอัญมณีสีน้ำเงินเข้มอยู่ตรงกลาง เพียงแค่มองไปก็รู้ว่าเป็นงานฝีมือที่มีคุณค่ามาอย่างยาวนาน

"ย่าจะสวมให้เธอ" เธอยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน โน้มตัวลงและสวมสร้อยคอให้กับสวีซุ่ยหนิง

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกถึงความไม่สบายใจอย่างไม่อาจอธิบายได้ เธอเงยหน้ามองเฉินลู่ เธอเห็นว่าสีหน้าของเขาดูซับซ้อน อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก

เซี่ยซียืนอยู่ข้างกายเขาด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่คุณย่าเฉินสวมให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจ้องมองสำรวจอีกครั้ง เธอมองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยิ้มอย่างพึงพอใจ "หนิงหนิง แม่หนูคนนี้งดงามนัก สร้อยเส้นนี้เมื่อเธอได้สวม เมื่อได้ดูแล้วไม่ใช่ของเก่าเลย อาเฉิน แกว่าไง สวยมากเลยใช่หรือเปล่า?"

เฉินลู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบรับ "อืม"

เซี่ยซียิ้มและเอ่ย "หนิงหนิง ในตอนนั้นโจวอี้เองก็ขอสร้อยเส้นนี้ แต่คุณย่าไม่ให้ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องตาหญิงชราของบ้านฉันเข้าแล้วล่ะ"

คำพูดของเซี่ยซีราวกับว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้แก่สวีซุ่ยหนิง

สร้อยคอเส้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เธอชำเลืองมองเฉินลู่โดยไม่รู้ตัวจากนั้นราวกับว่าสติของเธอเลื่อนลอย

"คุณย่าคะ หนูไม่สามารถรับไว้ได้จริงๆค่ะ" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "มันมีค่ามากเกินไปค่ะ อยู่กับหนูก็คงจะไม่ปลอดภัย ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งอาจจะถูกขโมยไปก็ได้นะคะ"

คุณย่าเอ่ย "ถูกขโมยก็ถูกขโมยสิ ย่าให้เธอแล้ว นั่นหมายความว่าเธอคู่ควรแล้ว"

สวีซุ่ยหนิงเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร คุณย่าเฉินคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นมิตร แต่ทว่าเธอมีออร่าที่ทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นและเด็ดขาด

เซี่ยซีเอ่ยแฝงความนัย "หลังจากนี้หากเธอมีปัญหาอะไร ก็มาขอความช่วยเหลือจากคุณย่าได้ ในเมื่อย่าให้เธอ เธอก็เก็บไว้ ย่ามีเงินเหลือเฟือ"

สวีซุ่ยหนิงทำได้เพียงกัดฟันและยอมรับ

เฉินลู่เอ่ยอย่างนิ่งเรียบ "หากว่าพวกคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะครับ"

คุณย่าเฉินเอ่ย "ก็ควรจะกลับแล้ว แกไปส่งฉันเถอะ"

เมื่อทั้งสองเข้าไปภายในลิฟต์ คุณย่าเฉินริเริ่มเอ่ยปาก "สำหรับแม่หนูคนนี้ฉันว่าโอเค ทั้งยังทำแบบนี้เพื่อแกอีก เรื่องที่ควรจะเกิดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว งั้นก็ลองดูไหมล่ะ"

เฉินลู่เอ่ย "มีความเป็นไปได้สูงที่ผมกับเธออาจจะไม่ได้แต่งงานกัน"

"ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง?" คุณย่าเฉินเอ่ย "ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เห็นด้วยกับเรื่องของแกและโจวอี้ แล้วพวกแกเดินจับมือกันไปถึงจุดนั้นไหม? ย่าอย่างฉันชอบ แกก็ลองให้ย่าสักตั้ง เรื่องของความรักมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก"

เฉินลู่เม้มริมฝีปากและไม่พูด

"อีกอย่าง ตอนนี้ต่อให้แกจะอยากแต่งกับคนที่ชอบสักแค่ไหน ความเป็นไปได้ก็แทบจะไม่มี" นายหญิงเฉินเอ่ย "ผู้ชายในตระกูลเฉินล้วนเลือดเย็น ทั้งพ่อแก ทั้งปู่แก ไม่เคยให้ค่ากับความรัก หาใครสักคนที่พร้อมจะใช้ชีวิตไปด้วยกัน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย"

เฉินลู่พยักหน้า "ครับ คุณย่าชอบ ไม่มีอะไรที่ผมไม่สามารถลองได้"

เฉินลู่ส่งคุณย่าเฉินขึ้นรถ จากนั้นเขาเดินกลับมา เมื่อเห็นเซี่ยซี สีหน้าของเขาเย็นชาเล็กน้อย "คุณใจร้อนจังเลยนะครับ"

วันนั้นที่พวกเขาพูดคุยกัน ถึงแม้ว่าเฉินลู่จะพูดว่าสามารถสร้างภาพความรักและแต่งงานกับสวีซุ่ยหนิงได้ แต่ประโยคถัดมากลับเอ่ยว่าไม่ชอบซึ่งหักล้างกับประโยคแรก ทำให้รู้สึกดีและบดขยี้ความรู้สึกนั้น ดูเหมือนว่าจะเต็มใจ แต่ในความจริงแล้วยังไม่เห็นด้วย

ในวันนั้นเซี่ยซีเอ่ยว่าก็แล้วแต่เขา คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะให้นายหญิงเฉินมาด้วยตัวเอง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมาสุขภาพของหญิงชราแย่ลงทุกวัน แม้ว่าเฉินลู่จะไม่ใช่คนกตัญญู แต่เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำตามสิ่งที่เธอปรารถนา หากว่าไม่ใช่เพราะว่าตอนแรกเธอพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อตระกูลเฉิน ชีวิตของเฉินลู่ในตอนนี้ก็คงไม่ได้ดีดั่งเช่นทุกวันนี้

เซี่ยซีได้ยินคำพูดของเฉินลู่ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ฉันทำเพื่อให้แกก้าวต่อไปข้างหน้า จดจำคนในอดีตไปมันมีประโยชน์อะไร มีคนใหม่ ให้เธออยู่ข้างกายแกสักสองสามปี อย่างไรก็ตามคนตรงหน้าย่อมทำให้แกลืมเลือนไปได้"

เฉินลู่ไม่พูดอะไรอีก เขาเดินผ่านร่างกายของเธอไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เซี่ยซีจ้องมองแผ่นหลังของเขา เส้นทางที่ไปนั้นไม่ใช่ห้องพักผู้ป่วยของสวีซุ่ยหนิง แต่คือห้องทำงาน

เธอกระตุกมุมปาก ตอนนี้เฉินลู่กำลังไม่พอใจ หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเมื่อเวลาที่เลิกร่ำร้อง เธอจะมีสัญชาตญาณ ตราบใดที่สวีซุ่ยหนิงยังคงเคียงข้างเขาไปอีกสองปี ข้างกายของเขาก็คงไม่มีใครอื่น

เมื่อเซี่ยซีกลับมายังห้องพักผู้ป่วยของสวีซุ่ยหนิง หล่อนได้เก็บสร้อยเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าเธอเข้ามาก็รีบยื่นกล่องเครื่องประดับให้แก่เธอ

"คุณป้าคะ หนูไม่สามารถรับไว้ได้จริงๆ" สวีซุ่ยหนิงพูดอย่างขมขื่น "หนูกลัวว่าหากหนูสวมใส่สร้อยนั้น เมื่อเจอคนคิดร้ายหนูอาจจะโดนแทงอีกครั้งก็เป็นได้นะคะ"

เซี่ยซียิ้มและเอ่ย "เกรงว่าหากสวมแล้วไม่ปลอดภัย งั้นเธอก็เก็บไว้นั่นแหละ อย่างไรเสียก็ได้ราคาห้องชุดใจกลางเมืองa หลังจากนี้หากเจอปัญหาอะไรก็ขายได้และใช้ในยามจำเป็น"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "คุณป้าคะ หนูไม่กล้าครุ่นคิดเกี่ยวกับความหมายของคุณย่าเลยค่ะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน