สรุปตอน ตอนที่ 3 เส้นชีพจรเทพจื้อหยาง – จากเรื่อง เทพโอสถผงาดโลกา โดย สุวรรณภูมิ พันธุ์สุวรรณ
ตอน ตอนที่ 3 เส้นชีพจรเทพจื้อหยาง ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เทพโอสถผงาดโลกา โดยนักเขียน สุวรรณภูมิ พันธุ์สุวรรณ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
สตรีทั้งสองนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น พวกนางต่างฝ่ายต่างมองกันโดยไม่สังเกตเห็นเสิ่นเสียงแม้แต่น้อย นี่ทำให้เส้นเสียงรู้สึกถึงความอัปยศเพราะถูกเมินเฉยจากโฉมสะคราญทั้งสองนาง
หลังจากเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง เสิ่นเสียงถึงพบว่าก้นเหวแห่งนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวยับเยินและหลุมบ่อมากมาย เศษหินกระจัดกระจายเต็มพื้น ในเศษหินพวกนั้นยังมีเศษผ้าไหมสีขาวปะปนอยู่เหมือนเคยมีการต่อสู้เกิดขึ้น เขาสันนิษฐานว่าสตรีทั้งสองได้ต่อสู้กันจนทำให้เสื้อผ้ากระจุยกระจายเช่นนี้
แม้เสิ่นเสียงจะไม่รู้ว่าเหตุใดสตรีงามล่มเมืองสองนางนี้ถึงได้มาต่อสู้กันใต้หุบเหว แต่เขากลับดูออกว่าพวกนางทั้งสองแข็งแกร่งมาก ทรงพลังเกินกว่าที่เขาสามารถรับรู้ ถึงขั้นแสดงพลังที่สามารถสะเทือนแผ่นดินออกมาได้
"หญิงงามเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะจริง ๆ สั่นสะเทือนจนข้าต้องตกลงมา โชคยังดีที่ไม่ตกลงมาตาย" เสิ่นเสียงแอบก่นด่าอยู่ในใจ ขณะเดียวกันเขาก็มีความอยากรู้อยากเห็นต่อสตรีลึกลับสองนางนี้มาก
เสิ่นเสียงมองตรงไปยังร่างหยกไร้ตำหนิทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า ขณะเดียวกันก็ย่องเท้าเบา ๆ เข้าไปหาพวกนาง
หุบเหวที่อยู่ถัดจากผาปีศาจอมตะถูกขนานนามว่านรก ทว่าเสิ่นเสียงที่อยู่นรกในยามนี้กลับเหมือนอยู่แดนสวรรค์ ที่นี่มีสระน้ำซึ่งเปล่งแสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญยังมีโฉมสะคราญสองคนเปลือยกายอยู่ข้างสระน้ำ
ยามนี้สตรีทั้งสองถึงตระหนักได้ว่าห่างออกไปไม่ไกลนัก มีดวงตาที่ร้อนระอุคู่หนึ่งกำลังมองมายังพวกนาง นี่ทำให้พวกนางอับอายแค้นเคืองยิ่งนัก
หญิงงามทั้งสองมิได้ขยับตัว เพียงแต่บนดวงหน้าสะสวยเต็มไปด้วยจิตสังหาร ดวงตาคู่งามของทั้งสองมองเขาด้วยความโกรธ พวกนางไม่สามารถแม้แต่จะหันศีรษะ
"พี่สาวทั้งสอง พ...พวกท่านไม่หนาวกันหรือ เหตุใดถึงไม่สวมเสื้อผ้า ข้ารู้สึกว่ามันหนาวมากเลยนะ" เสิ่นเสียงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงได้ถามออกมาเช่นนี้
ยามนี้ สตรีผู้งามสง่าใบหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็งได้กล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น "หากเจ้าเดินหน้ามาอีกก้าว ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานจนเข้ากระดูกเหมือนตายทั้งเป็น"
แม้ว่าเสียงของสตรีนางนี้จะสดใสไพเราะแต่กลับไร้ซึ่งอารมณ์ ทำให้รู้สึกมีบางอย่างขาดหาย ตัวนางไม่แตกต่างจากน้ำเสียง ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือบุคลิกที่แสดงออกมา ล้วนให้ความรู้สึกเย็นชาห่างเหิน ดวงตาคู่งามที่กะพริบไปด้วยประกายแห่งความเย็นชาเผยให้เห็นความไม่เป็นมิตร
จากนั้นเสิ่นเสียงก็มายังข้างกายของสตรีที่มีเสน่ห์ยั่วยวน เห็นเพียงนางยิ้มเล็กน้อย ซึ่งมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง มันทำให้เสิ่นเสียงใบหน้าแดงเถือก เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะคลุมเสื้อคลุมตัวใหญ่ให้นาง
การกระทำของเสิ่นเสียงทำให้สตรีทั้งสองรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ และพวกนางยังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เคยข่มขู่เขาก่อนหน้านี้ แถมทำให้เขาต้องตกลงมา ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเสียงดวงแข็ง เกรงว่าคงตกลงมาตายไปแล้ว
สตรีทั้งสองรู้สึกโล่งใจที่เสิ่นเสียงมิได้ทำเรื่องสกปรกกับพวกนาง สมาธิเช่นนี้ทำให้พวกนางรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางทั้งสองทราบดีว่าตนเองในตอนนี้มีความดึงดูดยั่วยวนบุรุษที่สุด
"แม่นางทั้งสอง พวกท่านอยู่ที่นี่มานานแล้วใช่หรือไม่ พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะขึ้นไปจากที่นี่ได้อย่างไร ข้าอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องสำคัญมากต้องทำ" เสิ่นเสียงกล่าวด้วยความหดหู่ใจ
สตรีผู้ทรงเสน่ห์ยิ้มอ่อนหวานพลางกล่าวอย่างนุ่มนวล "หนุ่มน้อย ข้าเห็นว่าเจ้าไม่มีเส้นชีพจรวิญญาณ ชีวิตนี้คงไม่สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์ได้ แต่ว่า...ข้าสามารถมอบเส้นชีพจรจื้อหยางให้เจ้า ถ่ายทอดพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า สอนเจ้ากลั่นยาปรุงยา ให้เจ้าได้กลายเป็นนักยุทธผู้แข็งแกร่ง แต่ข้ามีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพโอสถผงาดโลกา
อัพต่อหน่อยครับ...
บทอ่านน้อยไปครับ...
ยอดดเยี่ยม...
ไม่ลงให้อ่านสักกะทีรอยุ...
รออ่านอยู่นะครับ...