แต่ว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าหัวจิ้งจะถูกปล่อยตัวออกมาในทันที และมาปรากฏตัวในสถานที่ที่ทหารแคว้นหนิงตั้งค่าย เช้าตรู่ของวันนั้น หยุนชางถูกปลุกให้ตื่นโดยเสียงที่ดังมาจากข้างนอก "คุณชายเซียว คุณชายเซียว....."
เฉี่ยนอินลุกขึ้นและออกจากเต็นท์ค่ายไปก่อน ไม่นานก็เดินกลับเข้ามา ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "คุณชายเจ้าคะ ท่านอ๋องส่งสารมารายงานองค์หญิง โดยกล่าวว่าองค์หญิงหัวจิ้งอยู่ที่ประตูทางเข้าค่าย และ กำลังโวยวายที่จะพบจิ้งอ๋องให้ได้เจ้าค่ะ"
หัวจิ้ง? หยุนชางก็ตื่นขึ้นมาโดยเร็ว นางอยู่ที่แคว้นแย่หลางมิใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?
หยุนชางลุกขึ้นทันที แล้วสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และสวมหน้ากากเงินให้ดี จึงจะออกจากเต็นท์ค่ายไป ทันทีที่ออกไปด้านนอก หยุนชางเห็นจิ้งอ๋องยืนอยู่ที่ห่างจากตนไม่ไกลมากนัก จึงรีบเดินเข้าไป "หัวจิ้งมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"
ดวงตาของกษัตริย์จิ้งเย็นชา "ชางเจียชิงซูช่างเป็นคนที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะเสียจริง หากข้ามิได้ทราบมาก่อนว่าหัวจิ้งอยู่ในค่ายกองทัพของเขา ไม่แน่ตนก็อาจถูกเขาหลอกเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถส่วนตัวหัวจิ้งมาโดยมิให้เส้นสายของข้ารับรู้ คุ้มที่จะลองเจอกันสักหน่อยนะ"
ทั้งสองเดินไปที่ประตูทางเข้าค่ายด้วยกัน หยุนชางตั้งใจเดินช้ากว่าเล็กน้อย เพื่อไม่ให้หัวจิ้งดูออก หัวจิ้งยืนอยู่หน้าประตู มีองครักษ์ตามหลังนางมาสองคน สวมชุดสีฟ้าและผ้าไหมห่านลายเมฆ ยืนอยู่หน้าประตูอย่างสง่างาม
"องค์หญิง?" จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว เขาตกตะลึงเล็กน้อย "เหตุใดองค์หญิงจึงมาที่ค่ายขอรับ?"
สายตาของหัวจิ้งจับจ้องไปที่จิ้งอ๋อง จากนั้นก็กวาดมองไปที่หยุนชางที่อยู่ข้างๆ แล้วมองกลับมาที่จิ้งอ๋องอีกครั้ง สีหน้าของนางเศร้าโศกเล็กน้อย " พระสวามีของข้าถูกขังอยู่ที่ชายแดน ข้าจึงบอกกับเสด็จแม่แล้วมาตามหาพระสวามีเจ้าค่ะ"
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้น "ถ้าหากข้าจำไม่ผิด องค์หญิงน่าจะมาก่อนข้าใช่หรือไม่? แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ? เจ้าเพิ่งมาถึงหรือ?"
ดวงตาของหัวจิ้งเป็นประกาย และนางก็ถอนหายใจ "ข้าเติบโตอยู่ในวังตั้งแต่ยังเด็ก และไม่เคยได้เดินทางไปไหนไกลเลย ก่อนหน้านี้ข้าใจร้อนเกินไป มิได้พาองครักษ์มามากเท่าไหร่ ระหว่างทางจึงเกิดความไม่สะดวกขึ้นมากมาย จึงมาถึงช้ากว่าที่ควรเจ้า พอข้ามาถึงชายแดนก็ได้ยินว่าเสด็จลุงได้มาประจำการอีกครั้ง จึงรีบเดินทางมาที่นี่เจ้าค่ะ อยากขอให้เสด็จลุงช่วยรับข้าไว้ดูแล และช่วยส่งคนไปตามหาพระสวามีเจ้าค่ะ"
"โอ้?" จิ้งอ๋องยิ้มมุมปาก ในรอยยิ้มนั้นมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย "แต่ว่า ค่ายทหารนี้มีแต่ผู้ชาย เจ้าเป็นผู้หญิง หาเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ คงจะไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไหร่ อีกอย่างพระสวามีของเจ้าเกิดเรื่องที่ เมืองหลิงกวน หากองค์หญิงต้องการจะตามหาท่าน ก็ควรไปที่เมืองหลิงกวน ตอนนี้กองทัพแย่หลางได้ถอนตัวออกจากเมืองหลิงกวนแล้ว ที่นั่นจะปลอดภัยกว่าค่ายกองทัพนี้นิดหน่อย หากองค์หญิงยังคงกังวลเช่นเดิม ข้าสามารถส่งคนไปสองสามคนเพื่อปกป้ององค์หญิงได้ขอรับ"
จิ้งอ๋องหันหน้าไป มองไปที่หยุนชางที่สวมชุดสีฟ้าและสวมหน้ากากอยู่ข้างหลังเขา และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "คุณชายเซียวท่านนี้เป็นที่ปรึกษาทางการทหารที่ข้าเชิญมาเป็นพิเศษ เขาไม่เพียงแต่เก่งเรื่องกลยุทธ์ แต่ยังเก่งด้านศิลปะการต่อสู้อีกด้วย ให้คุณชายเซียวท่านนี้ติดตามองค์หญิงเพื่อนคุ้มกันท่านดีหรือไม่ขอรับ?"
หัวจิ้งเหลือบมองที่หยุนชางและขมวดคิ้ว "แต่ว่า คุณชายเซียวท่านนี้ดูร่างกายผอมบางเหลือเกินเจ้าค่ะ อีกอย่างในเมื่อท่านเป็นที่ปรึกษาทางการทหารของเสด็จลุง ก็คงต้องพึ่งพาเขาในการเดินทัพและต่อสู้ หากจิ้งเอ๋อร์นำตัวท่านไป ถ้าอย่างนั้นก็......"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ จึงยิ้มมุมปากขึ้นมา แล้วกดเสียงให้ต่ำลงพร้อมพูดว่า "องค์หญิงพูดเช่นนี้มิถูกต้องขอรับ จะตัดสินความสามารถของศิลปะการต่อสู้ด้วยความสูง เตี้ย อ้วน และผอมได้อย่างไรขอรับ แม้ว่าองค์หญิงจะไปตามชายผู้แข็งแกร่งมาสักสามสิบห้าสิบคนก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าขอรับ"
หัวจิ้งปลื้มใจเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ความสำคัญของที่ปรึกษาทางการทหาร แม้ว่าตนจะไม่เคยสู้รบ แต่ก็รู้ดีว่าที่ปรึกษาทางการทหารนั้นมีตำแหน่งสำคัญแค่ไหนในกองทัพ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง