หัวจิ้งเห็นว่าหยุนชางดูเหมือนจะหมดความอดทนกับตนเล็กน้อย นางจึงรู้สึกไม่พอใจ และคิดในใจว่า เขาเป็นเพียงลูกน้องของท่านอ๋อง ยังจะกล้าที่จะทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าข้า แต่เมื่อต่อหน้าเขานางก็พูดอย่างสุภาพว่า " ช่วงนี้ข้าเดินทางจนเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนสักพักหนึ่ง คุณชายเซียวเชิญตามสบายได้เลยเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าและยืนขึ้น "เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนขอรับ" หลังจากพูดจบก็เห็นหัวจิ้ง พยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ถอยออกไป
ห้องของหยุนชางอยู่ข้างๆ นาง เมื่อหยุนชางกลับไปที่ห้องของตน นางก็เดินไปด้านหลังและเปิดหน้าต่างไว้ ทั้งสองห้องอยู่ติดกัน และหน้าต่างทั้งสองก็เปิดอยู่เช่นกัน หากมีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่ห้องนาง ตนก็คงจะได้ยินเสียงอยู่บ้าง แต่ว่าห้องข้างๆ นั้นเงียบสงบอยู่ทั้งเช้า
เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารกลางวันมาส่งแต่ละห้อง หยุนชางได้ยินเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ที่นำอาหารไปส่งให้หัวจิ้ง แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ห้องข้างๆ ก็เงียบลงอีกครั้ง
จนกระทั่งตกค่ำ หยุนชางก็ไม่เห็นหัวจิ้งออกมาจากห้องมา และไม่ได้ยินเสียงพูดของนาง
เมื่อถึงมื้อเย็น หยุนชางตั้งใจไปคารวะหัวจิ้งที่ห้องข้างๆ ตอนที่เข้าไป หัวจิ้งนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง เมื่อเห็นหยุนชางเข้ามา นางก็ยิ้มและพูดว่า " คุณชายเซียวมาแล้วหรือ?"
หยุนชางพยักหน้าและกล่าวว่า "แม้ว่ากองทัพแย่หลางจะถอนกำลังพลออกจากเมืองซียีแล้ว แต่กระหม่อมกลัวว่าจะมีสายลับของแย่หลางปะปนอยู่ในกลุ่มประชาชน องค์หญิงอย่าลืมปิดหน้าต่างให้ดีตอนนอนหลับนะข้อรับ และสั่งการองครักษ์ทั้งสองไว้ว่าอย่าเผลอหลับไป"
หัวจิ้งตอบด้วยรอยยิ้มว่า "คุณชายเซียวก็อยู่ห้องข้างๆ นี่เอง ข้าไม่กลัวหรอก แม้แต่เสด็จลุงยังชมท่าน แน่นอนว่าต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดีมาก"
หยุนชางยิ้มออกมา นางไม่ถ่อมตน แล้วเตือนไปอีกเล็กน้อย จึงออกจากห้องไป ทันทีที่เปิดประตู ก็พบว่ามีองครักษ์ที่ใส่ชุดสีดำยืนอยู่ที่ประตู หยุนชางตกใจอย่างมาก และนานกว่าจะมีสติกลับมา นางมองดูองครักษ์ผู้นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วจึงกลับห้องของตนไป
คืนหนึ่ง หยุนชางกำลังจับจ้องการเคลื่อนไหวของห้องข้างๆ แต่ไม่มีอะไรผิดปกติเลยทั้งคืน
เช้าตรู่ของวันที่สอง ทันทีที่หยุนชางออกจากห้องมา ก็พบว่าหัวจิ้งก็ออกมาเช่นกัน " คุณชายเซียว เราลงไปกินข้าวเช้าพร้อมกันเถอะ"
หยุนชางตอบกลับ ทันทีที่เดินลงไป ก็เห็นทหารสองคนเดินเข้ามาและโค้งคำนับหยุนชางพร้อมกล่าว " คุณชายเซียวขอรับ กองทัพแย่หลางดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขอรับ ท่านอ๋องขอให้คุณชายกลับไปที่ค่าย เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือขอรับ"
เมื่อหัวจิ้งได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย นางยิ้มและพูดว่า "ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณชายเซียวกลับไปก่อนได้เลยเจ้าค่ะ ตอนนี้กลางวันแสกๆ คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าอย่างเร่งรีบ "ทหารสองคนนี้ก็ให้เจ้าหญิงสั่งการได้เลยขอรับ กระหม่อมขอตัวก่อนขอรับ" แล้วนางก็จากโรงเตี๊ยมไป และกลับไปที่ค่ายทหารอย่างเร่งรีบ เมื่อกลับไปถึงที่ค่ายก็พบว่ามีทหารเหลืออยู่ไม่มาก มีเสียงตะโกนดังมาจากที่ไกลๆ คาดว่ากองทัพแย่หลางกำลังตะโกนเริ่มรบกัน นางจึงรีบขี่ม้าไปยังสถานที่ที่กองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน
เมื่อจิ้งอ๋องเห็นว่าหยุนชางกลับมา ก็รีบขี่ม้าเข้ามาหานาง "กลับไปที่ค่ายเถิด ชางเจียชิงซูดูเหมือนจะไม่อยากต่อสู้ในวันนี้ เราเสียเวลาอยู่อย่างนี้มันก็ไร้ประโยชน์"
หยุนชางยืดคอไปมองดู เห็นชุดเกราะเงินที่ส่องแสงอยู่บนรถรบในระยะไกล หยุนชางยิ้มมุมปาก "เหตุใดเสด็จลุงไม่สั่งกองทัพเข้ารบเจ้าคะ ฉวยโอกาสโจมตีเขาโดยที่เขาไม่ทันระวัง?"
จิ้งอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "ข้างหลังเขาคือเมืองชางหลาน เป็นเมืองที่ตั้งฐานป้องกันง่ายและโจมตียาก ถ้าหากข้ารีบเข้าโจมตีตั้งแต่แรก พวกเขาจะต้องหันหลังและวิ่งหนีกลับไปที่เมืองชางหลานอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นคนที่จะเสียคือข้าเอง" หลังจากพูดคุยไปเล็กน้อย เขาก็ถามหยุนชางว่า "เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนนี้มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?"
หยุนชางส่ายหัว "หัวจิ้งเงียบเกินไป เงียบจนผิดปกติเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสององครักษ์ที่นางพามา หนึ่งในนั้นมีศิลปะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอด"
"โอ้?" จิ้งอ๋องหันหน้าไปมองหยุนชาง "เจ้าจำได้หรือไม่ว่า องครักษ์ที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?"
หยุนชางขมวดคิ้ว "เมื่อเจ้าบอกข้าก็นึกขึ้นได้ว่า ข้ามั่นใจอย่างมากว่าความจำของข้าค่อนข้างดี แต่ข้าจำไม่ค่อยได้ว่าองครักษ์นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร จำได้เพียงว่าดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลและสว่างมาก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง