จิ้งอ๋องทิ้งม้าไว้และพยายามจะเดินทางด้วยเกวียนม้ากับหยุนชาง หยุนชางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งให้ฉินยีและเฉี่ยนอินไปตามหาเกวียนม้าเพื่อกลับวังด้วยตนเอง
ในเกวียนม้านั้นเหลือเพียงหยุนชางและจิ้งอ๋องเท่านั้น จิ้งอ๋องจับจ้องไปที่ใบหน้าของหยุนชางและนานจึงกล่าวว่า "ซิ่วซินมีศิลปะการต่อสู้ที่พอใช้ได้นั้นเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในจวนท่านอ๋อง แม้แต่องครักษ์ลับของจวนท่านอ๋องก็ตามนางไม่ทัน นั่นไม่ใช่คนที่มีศิลปะการต่อสู้เพียงเล็กน้อยเช่นนี้จะทำได้อย่างแน่นอน"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ ก็ยังคงนิ่งเฉย มิได้สนใจอันใด "เสด็จลุงตรัสกับหยุนชางหรือเจ้าคะ? ซิ่วซินกูกูมีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้งั้นหรือเจ้าคะ?" หยุนชางถามด้วยเสียงเบา แล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง พร้อมพูดอย่างลังเล "ชางเอ๋อร์ไม่ค่อยได้อยู่ในพระราชวัง ไม่ทราบเรื่องที่ซิ่วซินกูกูมีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้เจ้าค่ะ"
สิ่งที่นางพูดมิได้มีผลต่อจิ้งอ๋องแต่อย่างใด "ข้าจะไม่พูดจาอ้อมค้อม ซิ่วซินที่ปรากฏตัวในจวนท่านอ๋องเมื่อสักครู่นี้ เป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่? รูปร่างนางดูคล้ายกับแม่นางเฉียนเฉี่ยนอยู่บ้างเล็กน้อย"
หยุนชางยิ้มไม่ออก จึงกล่าวว่า "จริงหรือเจ้าคะ? สายตาของเสด็จลุงช่างแหลมคมเหลือเกินเจ้าค่ะ"
จิ้งอ๋องมิได้พูดอันใดต่อ เพียงแค่ลืมตาขึ้นและมองไปที่นาง จ้องมองจนหยุนชางรู้สึกร้อนตัว นางทราบดีว่าเขามิได้คิดร้ายอันใด มิเช่นนั้นเขาคงจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่ที่จวนท่านอ๋องแล้ว แต่เขากลับมาถามตนเป็นการส่วนตัวบนเกวียนม้านี้ เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงถอนหายใจออกมาพร้อมกล่าว " ทักษะที่ดีที่สุดของเฉียนเฉี่ยนมิใช่ศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นศิลปะการปลอมตัวเจ้าค่ะ"
เมื่อพูดเช่นนี้จิ้งอ๋องจึงดูพอใจขึ้นมา เขาพยักหน้าและกล่าวว่า " คนที่มีความสามารถที่อยู่รอบตัวเจ้านั้นไม่น้อยเลยนะ" เขามิได้แสดงท่าทีว่าจะถามเรื่องนี้ต่อ หยุนชางจึงโล่งใจทันที
ครานี้แม้จะโล่งใจ แต่กลับไม่รู้จะสนทนาเรื่องใด ทันใดนั้นบรรยากาศก็ดูแปลกไป หยุนชางไอออกเสียงเบาๆ นึกถึงสิ่งที่จักรพรรดิหนิงทรงตรัสเมื่อวันก่อน จึงกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์เตรียมจะส่งเสด็จแม่ไปที่ตำหนักนอกวังของเมืองเฟิ่งไหลเพื่อรักษาตัว เสด็จพ่อทรงตรัสว่า จะให้เสด็จอาไปตรวจดูความเรียบร้อย อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้วเจ้าค่ะ มิทราบว่าเสด็จอาเตรียมการเรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า " เจ้าวางใจกับงานที่ข้าทำได้อย่างแน่นอน เพียงแค่เมื่อถึงเวลาเดินทางของจื่นเฟย จะต้องระมัดระวังอย่างมาก อย่าให้คนอื่นเห็นข้อบกพร่อง มิฉะนั้นอาจเกิดเรื่องขึ้น"
หยุนชางตอบกลับ และได้ยินจิ้งอ๋องพูดขึ้นอีกครั้งว่า " วิธีที่ปกปิดร่างกายของจิ่นเฟยนั้นมิใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ หากว่าฮองเฮาหาข้อแก้ตัวมาได้ และใส่ร้ายว่าจื่นเฟยตั้งครรภ์เพราะมีชู้ที่ตำหนักนอก แต่ไม่ยอมรับความจริง เช่นนี้คงได้ไม่คุ้มเสีย"
หยุนชางตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ เรื่องนี้ตนมิได้พิจารณามาอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าตอนนี้จิ่นเฟยจะมีอายุครรภ์สามสี่เดือนแล้ว แต่หากนางมีเจตนาเช่นนี้จริง ก็สามารถสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ หยุนชาง พยักหน้าและพูดว่า "ข้ามิได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เจ้าค่ะ ขอบพระทัยเสด็จอาอย่างมากเจ้าค่ะ เมื่อกลับไปแล้วชางเอ๋อร์จะเตรียมการให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ"
จิ้งอ๋องพยักหน้าแล้วหลับตาพักผ่อน
หยุนชางครุ่นคิดเรื่องของจิ่นเฟย และคิดไว้ว่าอีกประเดี๋ยวจะต้องประพฤติตนให้ดี เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด นางคิดเรื่องต่างๆ มาตลอดทาง และสุดท้ายก็มาถึงที่หมาย
ทันทีที่เขาเข้าไปในพระราชวัง ซุ่นชิ่งอ๋องยื่นคำร้องไป หลังจากนั้นไม่นานจักรพรรดิหนิงทรงสั่งการให้ขันทีอัญเชิญซุ่นชิ่งอ๋อง หยุนชางต้องติดตามเข้าไปเช่นกัน แต่จิ้งอ๋องกลับดึงที่แขนเสื้อของนาง หยุนชางตกตะลึงและหยุดชะงักมิได้ตามท่านเข้าไป
"ถึงอย่างไรพระชายาจวิ้นอ๋องถือเป็นคนของจวนท่านอ๋อง หากพูดให้ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องภายในตระกูล เจ้าเข้าไปในเพลานี้ คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ รออีกสักประเดี๋ยวเดียว ฝ่าบาทจะเรียกตัวพวกเราอย่างแน่นอน" จิ้งอ๋องเห็นความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตาของหยุนชาง จึงอธิบายออกมาให้นางได้รับทราบ
หยุนชางผงะและพยักหน้า นางตำหนิตัวเองในใจที่ตนนั้นไม่รู้กาลเทศะ ต่อไปหากทำการอันใดคงต้องระมัดระวังมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง