"แม้แต่เรื่องเลวร้ายเช่นนี้เจ้าก็สามารถทำออกมาได้ เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ? เสด็จแม่สั่งให้เจ้าทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?" หยุนชางเห็นว่านางกำลังลังเล และนางทราบดีว่าซิ่วซินมิใช่คนธรรมดาที่จัดการได้ง่ายๆ หากว่านางได้ทราบรายละเอียดของเรื่องแล้ว นางจะพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นหากนางได้พูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกมา แผนของตนก็จะล้มเหลว นางจึงจงใจกวนใจ เพราะซิ่วซินนั้นจงรักภักดีต่อพระราชินีเสมอมา และแน่นอนว่านางต้องยอมแบกรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตนเอง และไม่ยอมที่จะให้พระราชินีมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
และผลเป็นไปอย่างที่นางคิด ทันทีที่ซิ่วซินได้ยินเช่นนี้ นางก็ไม่สนใจเรื่องอื่นใดอีกแล้ว จึงถวายบังคมต่อจักรพรรดิหนิง " ฝ่าบาททรงใจเย็นเพคะ เรื่องนี้เป็นแผนการของหม่อมฉันเพียงผู้เดียวเพคะ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระราชินีเพคะ วันนั้นหม่อมฉันเห็นว่าพระราชินีทรงให้องค์หญิงฮุ่ยกั๋วไปอวยพรแสดงความยินดีเนื่องในวันประสูติของพระชายาซุ่นชิ่งอ๋อง หนำซ้ำท่านกลัวว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วจะไม่มีของที่จะนำไปถวาย จึงได้นำหยกลูกท้อมงคลมรกตที่ล้ำค่าอย่างมากให้องค์หญิง หม่อมฉันไม่โปรดองค์หญิงมานานแล้ว องค์หญิงฮุ่ยกั๋วมิใช่พระราชธิดาของเหนียงเหนียง แต่ทว่าฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อนางดีกว่าองค์หญิงหัวจิ้งเป็นอย่างมาก หม่อมฉันรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมต่อพระราชินีเพคะ ตั้งแต่ที่พระราชินีเข้าพระราชวังมา ท่านก็ทรงเป็นพระราชินี พระมเหสี และพระมารดาที่ดี มีเพียงหม่อมฉันเท่านั้นที่ทราบถึงความยากลำบากของท่าน หม่อมฉันจึงคิดว่า หากหม่อมฉันสามารถกำจัดองค์ฮุ่ยกั๋วไปได้ พระราชินีก็คงจะสุขสบายมากยิ่งขึ้น หม่อมฉันจึงตัดสินใจโดยมิได้รับอนุญาตจากท่าน และสั่งทำลูกท้อมงคลมรกตตัวปลอมขึ้นมา และไปหาพระชายาจวิ้นอ๋องเพคะ"
มีเหงื่อออกเล็กน้อยจากพระหัตถ์ของฮองเฮา จนทำให้ผ้าซับพระพักตร์ในมือของนางเปียกชุ่ม เจ้าซิ่วซิน เหตุใดเจ้าจึงมาทำอะไรที่เหลวไหลในยามสำคัญเช่นนี้? แค่คิดก็รู้แล้วว่านี่เป็นกับดัก ไม่ต้องพูดถึงว่าพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องมิเป็นอันตรายใดๆ แค่นี้ก็มากพอที่จะสงสัยแล้ว อีกทั้งสิ่งที่พระชายาจวิ้นอ๋องกล่าวมาเมื่อสักครู่นั้น ทั้งเรื่องถุงหอมหรืออะไรก็ตาม แม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่ทราบ แต่นางรู้ดี นางไม่เคยสั่งให้ซิ่วซินทำเช่นนี้เลย
เพียงแต่ว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่สามารถช่วยกระไรได้ พระชายาจวิ้นอ๋องสารภาพผิดไปแล้ว แม้แต่ซิ่วซินก็แบกรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตน แล้วนางจะทำอะไรได้อีก เกรงว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็คงไม่ไว้ใจตนอีกต่อไป เกรงว่าครั้งนี้แม้เสด็จพ่อก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้ ฮองเฮารู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นๆ ที่หยดลงมาจากหน้าผากของตน และตอนนี้แม้แต่เอ่ยปากกล่าวบางอย่างนางก็รู้สึกว่ายากเย็นเหลือเกิน ผ่านไปอยู่นาน นางก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก " หม่อมฉันดูแลนางกำนัลได้ไม่เข้มงวดมากพอเพคะ ฝ่าบาทโปรดลงโทษหม่อมฉันได้เลยเพคะ"
จักรพรรดิหนิงหลับตาลง ใบหน้าขาวซีด ช่างดีเหลือเกิน ราชินีของตนคิดจะใส่ร้ายพระราชธิดาของตน อีกทั้งตอนนี้ซิ่วซินยอมรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตน และยังมีเสนาบดีคอยคุ้มกันให้ แม้ว่าตนจะทราบเป็นอย่างดีว่าส่วนใหญ่เป็นความคิดของฮองเฮา แต่ก็ไม่สามารถทำกระไรนางได้ เมื่อนึกถึงที่ตนเองที่ไม่สามารถปกป้องแม้แต่พระราชธิดาที่หญิงสาวสุดโปรดปรานของตนให้กำเนิดได้ จึงรู้สึกอ้างว้างมากยิ่งขึ้น
"ทหาร ซิ่วซินจงใจคิดจะประสงค์ร้ายต่อพระราชธิดา ดึงมันออกมาแล้วเฆี่ยนจนถึงแก่ชีวิต พระราชินีมิอาจสั่งสอนนางกำนัลของตนได้ จึงลงโทษให้คัดลอกพระคัมภีร์ในวังซีอู๋ หากมิได้รับอนุญาต ห้ามออกจากวังซีอู๋แม้แต่ก้าวเดียว" จักรพรรดิหนิงหลับตาลงเล็กน้อยและมีเส้นเลือดจาง ๆ อยู่บนหน้าผากของพระองค์
มีทหารเข้าไปเตรียมนำตัวซิ่วซินออกไป แต่ซิ่วซินสงบอย่างมาก นางกราบฮองเฮาไปสามครั้ง และกล่าวว่า " หม่อมฉันขอประทานโทษนะเพคะพระราชินี ความกรุณาธิคุณของเหนียงเหนียงหม่อมฉันจะมาชดใช้ในชาติหน้าเพคะ"
ซิ่วซินติดตามตนมานานหลายปี เป็นการโกหกหากจะบอกว่าตนไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อนาง ฮองเฮามองดูซิ่วซินเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศก จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน " ซิ่วซินกูกูไปดีเถิด ข้าขอส่งเพียงเท่านี้" เมื่อกล่าวจบก็ทรงหันหลังกลับและก้าวออกจากตำหนักฉินเจิ้งไป
ซิ่วซินออกไปพร้อมกับทหาร จักรพรรดิหนิง เงยหน้าขึ้นมองหยุนชางที่มีสีหน้าเศร้าโศกอย่างมาก จึงถอนหายใจและทรงตรัสว่า " ชางเอ๋อร์วันนี้เจ้าคงตกใจอย่างมาก พระอนุชาโปรดส่งนางกลับไปที่ตำหนักชิงซินเถิด พระชายาจวิ้นอ๋องก็ให้ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายานำตัวกลับไปลงโทษเสีย นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเจ้า เจิ้นก็จะไม่ยุ่งวุ่นวาย"
เมื่อทุกคนเห็นจักรพรรดิหนิงยกมือขึ้นถูขมับ ก็ทราบว่าพระองค์คงเหนื่อยจากเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ทุกคนก็ถอยกลับไป
หลังจากออกจากตำหนักฉินเจิ้งแล้ว หยุนชางก็หันหน้าไปกล่าวกับจิ้งอ๋องว่า " ตำหนักชิงซินอยู่ไม่ไกลนัก ชางเอ๋อร์จำทางได้เพคะ ดังนั้นขอไม่รบกวนเสด็จอานะเพคะ"
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์กำลังจะขอให้ข้าขัดต่อพระราชกฤษฎีกาหรือ? ข้ามิอาจรับโทษนี้ได้หรอก หากว่าชางเอ๋อร์มิอยากให้ข้าไปส่ง ก็ไปทูลกับฝ่าบาทให้ชัดเจนแล้วกัน"
หยุนชางกัดฟัน ใช้โอกาสที่ทราบว่าวันนี้ตนจะไม่รบกวนเสด็จพ่ออีก จึงกล้าพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่? หยุนชางเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่แหลมคม จากนั้นจึงหันหลังเดินไปข้างหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง