"หยุดนะ ข้าเพียงสกัดจุดของนางไว้เพียงสิบห้านาทีเท่านั้น ตอนนี้คงไม่เป็นอะไรแล้ว"
หยุนชางรู้ว่าจิ้งอ๋องจะไม่หลอกนาง ดังนั้นจึงโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แต่ในใจของนางก็ยังโกรธอยู่ "เสด็จอาทำอะไรเพคะ?"
จิ้งอ๋องแค่นเสียงอย่างเย็นชา "ข้าทำอะไรหรือ? เจ้าไม่ดูตนเองเลยหรืออย่างไรว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ข้ากำชับเจ้าเป็นพิเศษแล้วว่าระยะนี้อย่าออกจากวังเพื่อที่ชางเจียชิงซูจะได้ไม่สนใจเจ้า เจ้าตัวดี เจ้ากลับไม่เพียงออกจากวัง แต่ยังออกมาในยามวิกาลแล้วยังเอาเนื้อไปส่งเข้าปากเสือ หมอบอยู่บนหลังคาเพื่อดูฉากสกปรกเหล่านั้น เจ้าไม่กลัวว่าจะสกปรกไปด้วยหรืออย่างไร?"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจัดและหัวเราะออกมา "สกปรกหรือ? สิ่งที่สกปรกกว่านี้ข้าก็เคยเห็นมาแล้ว หัวจิ้งออกจากคุกแล้ว ชางเจียชิงซูย่อมไปหานางแน่ ข้าจะปล่อยโอกาสล้ำค่านี้หลุดมือไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ เสด็จอา ท่านต้องเข้าใจว่าเรื่องของข้าข้ามีแผนการไว้แล้ว ไม่รบกวนให้เสด็จอากังวล"
จิ้งอ๋องตบโต๊ะเสียงดัง "เจ้ามีแผนของเจ้า หากเจ้ามีแผนก็คงไม่ส่งตัวเองไปหาชางเจียชิงซูอย่างโง่เขลาหรอก ข้ารบกับเขามาหลายครั้งแล้ว เขามีความสามารถแค่ไหนข้าจะไม่รู้หรือ? ข้าคุมเจ้าไม่ได้? หากนับตามอาวุโส ข้าก็เป็นอาของเจ้า หากพูดถึงความสัมพันธ์ ข้าก็เป็นคู่หมั้นของเจ้า เช่นนี้แล้วข้ายังยุ่งไม่ได้?"
หยุนชางกระตุกยิ้ม "เหตุผลที่เสด็จอาไปขอให้เสด็จพ่อออกราชโองการเช่นนี้มาคืออะไรหม่อมฉันไม่รู้ แต่อย่างน้อยจุดประสงค์ของท่านไม่มีทางที่จะเรียบง่ายแน่ ในเมื่อหม่อมฉันและเสด็จอาต่างก็มีจุดประสงค์คนละอย่าง นี่ก็เป็นแค่การร่วมมือเท่านั้น เสด็จอาไม่ต้องกังวลเรื่องของข้าจะดีกว่า"
จิ้งอ๋องเห็นว่านางยังดื้อดึงจึงถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเขาก็ได้ยินรายงานจากลูกน้อง ใจของเขาก็กังวลขึ้นมาทันทีและอยากจะจับนางกลับอย่างต่อว่า เขาทำเช่นนี้แล้วแต่ดูเหมือนนางจะไม่รับน้ำใจของเขาเลย ใช่ เขามีจุดประสงค์ของตัวเองในการแต่งงานครั้งนี้ แต่ความห่วงใยที่เขามีต่อนางในใจของเขานั้นก็ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่อยากยอมรับ แต่ยามนี้เขาพบว่าความห่วงใยของเขามีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาเดินไปด้านข้างแล้วนั่งลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นคืนนี้เรามาคุยกันดีๆเถอะ"
หยุนชางพบว่าจิ้งอ๋องสีหน้ากลับมาเป็นปกติแล้ว อารมณ์ก็ดูสงบลงมาก นางจึงนั่งลง แต่สีหน้าของนางก็ยังคงไม่ค่อยดีนัก เพียงพูดเสียงเบา "เสด็จอาอยากจะคุยอะไรกับหม่อมฉันหรือ?"
"เจ้าคิดว่าทุกสิ่งที่ข้าทำกับเจ้าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงละครหรือ? รวมถึงตอนที่ข้าอยู่ที่ชายแดน? และรวมถึงการแต่งงานนี้ด้วย... " จิ้งอ๋องแอบหมุนแหวนหยกในมือของเขาอย่างไม่รีบร้อน
หยุนชางยิ้ม "หรือว่าไม่ใช่?"
จิ้งอ๋องไม่รู้สึกโกรธแล้ว ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะคุยกับนางดีๆ เขาก็ต้องพูดทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจน "ใช่ ข้าไปหาเสด็จพี่เพื่อขอให้เราได้แต่งงานกันนั้นมีจุดประสงค์อย่างแท้จริง ในเมื่อเจ้าอยากรู้ว่าข้าคิดจะทำอะไร เช่นนั้นคืนนี้ข้าก็จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เจ้าฟัง จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของการขอแต่งงานครั้งนี้ก็คือข้าต้องการกลับเมืองหลวง ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยเดาได้ว่าข้ามีความทะเยอทะยานต่อตำแหน่งนั้น ข้าไม่ได้ปิดบังความทะเยอทะยานของข้า เกรงว่าแม้แต่เสด็จพ่อของเจ้าก็คงรับรู้ได้บ้าง แต่เจ้าก็รู้ว่าเสด็จพ่อของเจ้าเกรงกลัวข้า หนึ่งเป็นเพราะความสามารถทางการทหารของข้าและอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะในมือของข้ามีตราอาญาสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามอีกด้านเขาก็ต้องใช้ข้าเป็นกำลังสำคัญ เพราะหากอำนาจตกไปอยู่ในมือของคนอื่น หากไม่มีข้าไว้คานอำนาจ เกรงว่าตระกูลหลี่ก็คงจะได้พลิกฟ้าไปแล้ว"
หยุนชางคิดว่าจิ้งอ๋องจะแต่งเรื่องบอกนางไปอย่างส่งๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ ในใจจึงแอบประหลาดใจอยู่ไม่น้อย นางขมวดคิ้วและสีหน้าก็กลับจริงจังขึ้นด้วยเช่นกัน
"เพราะเสด็จพ่อของเจ้ากลัว เกือบสิบปีข้าจึงได้กลับเมืองหลวงมาสักครั้งหนึ่ง ถึงแม้ข้าจะวางกำลังในเมืองหลวงไว้ได้ดีเพียงใด หากข้าไม่อยู่ ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่การเสียแรงเปล่าเท่านั้น"
หยุนชางก็เป็นคนฉลาด ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ก็ย่อมเข้าใจเจตนาของจิ้งอ๋อง "ดังนั้นท่านจึงไปขอให้เสด็จพ่อประทานพระราชโองการสมรสให้? เพื่อให้ท่านได้อยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้สะดวก?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง