ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 195

ฮวากั๋วกงจ้องมองไปยังจิ้งอ๋องนั้น อารมณ์มากมายปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา ทว่าชั่วครู่จึงยิ้มออกมา "ไม่มีอะไรพะยะค่ะ กระหม่อมได้ยินมาว่าท่านอ๋องทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านการรบเป็นอย่างมาก อีกทั้งลูกที่ไม่ได้เรื่องของกระหม่อม ก็ยังเคยพ่ายแพ้ให้แก่ท่านหลายครั้งหลายครา ในใจกระหม่อมรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ในช่วงกระหม่อมยังหนุ่มยังแน่นนั้นกระหม่อมชื่นชอบการต่อสู้เป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้สุขภาพร่างกายย่ำแย่ ไม่สามารถควบม้าในสนามรบได้อีก ทำให้กระหม่อมรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อได้เจอจิ้งอ๋องที่ยังหนุ่มแบบนี้อีกทั้งยังมีพลังล้นเหลือ จึงรู้สึกอยากแบ่งปันความคิดความสามารถ เพราะยังงั้นกระหม่อมจึงตั้งใจมาเข้าเฝ้าพระองค์"

จิ้งอ๋องถึงแม้ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความกล้าหาญ ทว่าเขากับแคว้นเซี่ยล้วนถือว่าเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน รู้สึกชื่นชมกันและกันก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ แต่ทว่าตั้งใจมาหายังประตูวังแบบนี้ มันค่อนข้างที่จะชัดเจนและโจ่งแจ้งเกินไป

ฮวากั๋วกงพอจะเข้าใจความคิดของจิ้งอ๋องอยู่บ้าง จึงยิ้มตอบกลับ "กระหม่อมมาที่นี้ มิได้มีความหมายอันใดพิเศษพะยะค่ะ หลังจากมายังแคว้นหนิงได้ไม่นาน มิมีผู้ใดมาร่ำสุราเป็นเพื่อน ท่านอ๋องเจ็ดสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง กระหม่อมมิกล้าชวนท่าน จึงได้มายังจวนจิ้นอ๋องเพื่อหาเพื่อนร่ำสุราเพียงเท่านั้น "

จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะออกมา "เปิ่นหวางเคารพท่านอย่างใจจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จวนของเปิ่นหวางนั้นวังเวงและรกร้างเป็นอย่างมาก ทว่ากลับเงียบสงบ เป็นเช่นนั้นพวกเราไปดื่มในตำหนักกลางกันเถอะ พวกเจ้า นำสุราไปจัดเตรียมไว้ที่ศาลากลางทะเลสาบ "

จิ้งอ๋องพาฮวากั๋วกงมายังศาลา สุราถูกเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีกลับแกล้มสองสามอย่าง ฮวากั๋วกงยิ้มพลางเทสุราหนึ่งถ้วยมิได้พูดอันใดพลางยื่นถ้วยไปดื่มอวยพรให้จิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องหยิบสุราขึ้นมา ทั้งสองดื่มหมดในคราเดียว

ฮวากั๋งกงมิได้เอ่ยอันใดถึงเรื่องการรบหรือว่าเรื่องแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงขึ้นมาเลย ทว่ากลับถามถึงสารทุกข์สุกข์ดิบเพียงธรรมดาเท่านั้น พลางถามคำถามกับจิ้งอ๋องนึ่งคำถาม "ได้ยินมาว่า จิ้งอ๋องนั้นเป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิองค์ก่อนเลี้ยงดูมา แต่มิได้รู้เลยว่าแท้จริงแล้วท่านเป็นคนที่ใด? "ทว่า "ตอนนี้ท่านอ๋องบรรดาศักดิ์สูงส่ง ท่านเคยสืบค้นข้อมูลเรื่องบิดามารดาตัวเองที่แท้จริงของตัวเองหรือไม่"

จิ้งอ๋องใช้ความเงียบเป็นคำตอบ เช่น เขามิเคยรู้เกี่ยวกับตัวเองมาก่อนว่าเป็นคนที่ใด ตนเองเคยอยู่เมืองจิ้งหนิงทางใต้ ทว่านั้นก็มิใช่บ้านเกิดของเขา อีกทั้งยังมิใช่บิดามารดาแท้ ๆ เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ต่อมาไม่นานเมืองหนิงจิ้งเกิดอุทกภัย บิดามารดาบุญธรรมล้วนไม่อยู่แล้ว เขาจึงถูกจักรพรรดิองค์ก่อนที่มาช่วยชาวบ้านบรรเทาทุกข์นั้นรับอุปถัมภ์ป และยังมิเคยออกตามหาบิดามารดาที่แท้จริงอีกเลย เนื่องจากว่าตัวเองมิได้สนใจ จิ้งอ๋องได้แต่คิดแล้วพลางส่ายหัวไปมา

ฮวากั๋วกงได้ยินแล้วพลางถอนหายใจ "ไม่ควรถามถึงที่มาของสุภาพบุรุษ"และยังไม่ได้ถามอะไรต่ออีกเลย เพียงแต่พูดคุยถึงขนบธรรมเนียมระหว่างแคว้นมาพูดบ้าง ถือว่าเป็นกำไรของทั้งสองฝ่าย

วันที่สอง เช้าตรู่ หยุนชางมาถึงยังจวนจิ้งอ๋องแล้ว นำอาภรณ์มาให้จิ้งอ๋องผลัดเปลี่ยน เมื่อจิ้งอ๋องลองจับเนื้อผ้าแล้ว เนื้อผ้ายังเหมือนเดิม ทว่าความรู้สึกที่จับนั้นไม่เหมือนเดิม จิ้งอ๋องให้ความไว้ใจหยุนชางมาก ถึงแม้หยุนชางจะทำอะไรกับอาภรณ์ของเขาก็ตาม แต่ก็มิได้รู้สึกสงสัยอะไรในตัวหยุนชางพร้อมทั้งผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ออกมา

อาภรณ์สวมใส่ทำให้รู้สึกน่าเกรงขาม เมื่อหยุนชางและจิ้งอ๋องใส่อาภรณ์เป็นสีแดงชาดแล้วนั้น เสมือนเป็นงานรื่นรมย์ เมื่อเพิ่มประดับเข้าไปแล้ว ยิ่งทำให้ผู้คนมิอาจละสายตาไปได้

เมื่อทั้งสองนั่งรถม้ามายังงานบุปผชาติแล้วนั้น ผู้คนก็มาถึงงานเยอะแล้ว เจ้าหน้าที่ทางทหารล้วนอยู่ในตำแหน่งของตน พื้นที่นั่งด้านหน้าล้วนแต่เป็นที่นั่งของจักรพรรดิหนิงและคณะทูตต่างแคว้น หลังจากผู้ติดตามแล้ว ยังมีประชาชนมาดูเยี่ยมชมงานเทศกาลในพระราชวังอีกด้วย ข้างในสามชั้นข้างนอกสามชั้น รอบด้านเต็มไปด้วยน้ำไม่สามารถผ่านไปมาได้

หวังจินฮวนนั่งอยู่ที่ด้านหลัง เมื่อเห็นกษัตริย์จิงและหยุนชางเสด็จมาถึงแล้ว ดวงตาของเขาเป็นประกาย พลิกตัวเอนหลังพิงเก้าอี้ มองดูคนสองคนด้วยความตกตะลึง ชั่วครู่ถึงหัวเราะออกมา "ไม่คิดว่า อาภรณ์ชุดนี้เมื่อสวมใส่จะทำให้ดูน่าเกรงขามขนาดนี้ หากใครไม่รู้ คงนึกว่าวันนี้เป็นงานรื่นเรงของพวกเจ้าทั้งสองคน "

จิ้งอ๋องและหยุนชายหันกายกลับพร้อมกับสายตาฟาดฟันจ้องมองไปยังหวังจินฮวาน หวังจินฮวานหัวเราะออกมา "โอ้ แม้แต่อารมณ์โมโหการกระทำยังเหมือนกัน นี้มันคู่สามีภรรยาที่แท้จริง"

หยุนชางได้ยินพลางถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าทำไมหวังเซียงซูเป็นคนที่เข้มงวดมาก ฮูหยินหวังยังเป็นคนที่อ่อนโยน ทำไมถึงคลอดบุตรชายมาเป็นอย่างนี้เสียได้

"ท่านอ๋อง องค์หญิงพะยะค่ะ อีกไม่นานจะถึงฤกษ์มงคลแล้ว. งานชมบุปผชาติใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว นู๋ไฉจะพาท่านทั้งสองไปเตรียมตัว "ขันทีข้าหลวงเดินมา จิ้งอ๋องพยักหน้ารับคำ เดินตามหลังหยุนชางและข้าหลวงไปยังด้านหลังของภัตราคาร

หยุนชางยืนอยู่ริมหน้าต่างเมื่อเหม่อมองออกไปยังข้างนอก รอบด้านเต็มไปด้วยทหารยาม อีกทั้งยังมีองครักษ์เงาที่ไม่เปิดเผยตัวอีก และที่ปะปนรวมออยู่กับประชาชนด้านล่างอีก เมื่อมองผ่านเพียงแวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นการต่อสู้

"พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นองครักษ์เงา ข้ากลัวว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น "จิ้งอ๋องก้มหน้าลงพลางกระซิบพูดที่ข้างหู หยุนชางขมวดคิ้วลงเล็กน้อยและเดินออกห่างจากหน้าต่าง "เสด็จพ่อนาน ๆ จะออกจากวังสักที แน่นอนว่าต้องมีคนที่รอคอยโอกาสแบบนี้เพื่อลงมืออยู่แล้ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง