ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 209

หยุนชางขมวดคิ้ว ฮวากั๋วกง? ท่านมาพบตนเพื่อการอันใด? หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่นางอยู่ที่หอวี่หมั่น ท่านฮวากั๋วกงนั้นจ้องมองไปที่จิ้งอ๋องแทบไม่กะพริบตา หรือว่าการหายตัวไปของจิ้งอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านหรือ?

"ไปกันเถอะ ข้าจะไปถวายบังคมต่อเสด็จพ่ออยู่พ่อดี" หยุนชางลุกขึ้นและเสด็จตามหัวหน้าเจิ้งไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง

เมื่อไปถึงตำหนักฉินเจิ้ง ก็พบว่าจักรพรรดิหนิงกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับฮวากั๋วกง เซี่ยโหจิ้งยืนชมอยู่ข้าง ๆ อย่างสนุกสนาน หยุนชางก้าวไปและมองดูบนกระดานหมากรุก ฝีมือของทั้งสองสูสีกัน หยุนชางเองก็ยืนชมอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็หยุดลง จักรพรรดิหนิงยิ้มและกล่าวว่า " เราไม่เจอกันนานหลายปี ฝีมือการเล่นหมากรุกของฮวากั๋วกงนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมาก"

ฮวากั๋วกงยิ้มเล็กน้อย "ฝ่าบาททรงพัฒนามากขึ้นกว่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจำได้ว่าหากเป็นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว กระหม่อมคงมิได้แพ้ฝ่าบาทอย่างราบคาบเช่นนี้หรอก"

หยุนชางมองลงไป ฮวากั๋วกงแพ้ไปสามแต้ม

"ชางเอ๋อร์มาแล้วหรือ? " จักรพรรดิหนิงเงยหน้ามองไปที่หยุนชาง ในแววตานั้นมีความกังวลเล็กน้อย "เจิ้นได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลมหลังจากกลับมาที่พระราชวังเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?"

หยุนชางยิ้มด้วยความขมขื่น " ดีขึ้นอย่างมากเพคะ ร่างกายของชางเอ๋อร์ยังคงแข็งแรงเพคะ เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เสด็จอาเป็นตายไร้ดีอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ อารมณ์ของหม่อมฉันผันผวนเล็กน้อยเพคะ ซึ่งทำให้โรคเก่าๆ กลับมากำเริบเพคะ โชคดีที่ยังมีพระโอสถของเจ้าอาวาสอู๋น่าอยู่ที่ตำหนัก ฉะนั้นจึงไม่เป็นอันตรายมากเพคะ"

เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปทางหยุนชาง "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าของแคว้นหนิงเป็นบุคคลสำคัญใช่หรือไม่? ข้าอยากจะไปพบท่าน เพียงแต่ว่ามิทราบว่าองค์หญิงอายุเพียงนี้ เจ็บไข้เป็นโรคใดหรือ? ข้าเองก็ทราบเรื่องยามสมุนไพรอยู่บ้างเล็กน้อย องค์หญิงให้ข้าตรวจชีพจรได้หรือไม่?"

หยุนชางอมยิ้มเบา ๆ รอยยิ้มนั้นเผยความเหนื่อยล้าออกมาเล็กน้อย เมื่อตอนที่นางกลับมาที่พระราชวัง นางก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้หมอหลวงตรวจชีพจรแล้วพบจุดน่าสงสัย และตอนนี้เมื่อได้ยินฮวากั๋วกงกล่าวเช่นนี้ นางจึงมิได้ปฏิเสธแต่ยื่นมือออกมาพร้อมยิ้ม "แน่นอนว่าได้เพคะ"

ฮวากั๋วกงเตะไปที่มือของหยุนชาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "ชีพจรขององค์หญิงนั้นผิดปกติอย่างมากขอรับ ราวกับว่าเมื่อตอนองค์หญิงยังเด็กเคยถูกวางยาพิษ พิษนั้นค่อนข้างรุนแรงเล็กน้อย แต่โชคดีที่ได้รับการรักษาจากผู้ยอดฝีมือ แต่ทว่าเหมือนว่าองค์หญิงนั้นมิได้ทำการรักษาตนอย่างดีพอ จึงทำให้พระวรกายอ่อนแอ ฉะนั้นตอนนี้จึงอ่อนเพลีย โดยรวมแล้วมิค่อยดีนัก"

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพระองค์ก็เผยความเป็นห่วงออกมาเล็กน้อย "กั๋วกงมีวิธีใดที่สามารถรักษาชางเอ๋อร์ให้หายดีหรือไม่?"

ฮวากั๋วกงส่ายหน้าเล็กน้อย "พระวรกายขององค์หญิงในตอนนี้ จำต้องดูแลเป็นอย่างดีเสียมากกว่า.......อย่าได้กังวลมากเกินไปเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งอย่าได้เหนื่อยล้าจนเกินไป มิเช่นนั้นอันจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางมิได้แสดงเศร้าโศกใดๆ ออกมา นางยังคงยิ้มอย่างสงบ "เจ้าอาวาสอู๋น่าเน้นย้ำกับหม่อมฉันเสมอเพคะ ว่าต้องเรียนรู้ที่จะหยุดนิ่งความคิดราวกับน้ำที่หยุดนิ่ง แต่ถึงอย่างไรหม่อมฉันยังคงเด็กเกินไป จึงมิสามารถคิดอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนั้นเพคะ อันที่จริงเจ้าอาวาสยังได้กล่าวกับหม่อมฉันว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของหม่อมฉัน ยังไม่เหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสและมีบุตรเพคะ แต่หม่อมฉันกลับคิดว่า หม่อมฉันเกิดเป็นสตรี หากไม่มีโอกาสได้ดูแลพระสวามีหรือสั่งสอนบุตรของตนให้เป็นคนดี หม่อมฉันก็คงเสียความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตไปเพคะ"

จักรพรรดิหนิงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางไม่เคยทูลเรื่องเหล่านี้ให้ตนได้ทราบ ฉะนั้นพระองค์จึงไม่เคยทราบว่าร่างกายของนางแย่เพียงนี้ นี่คือพระราชธิดาของตนและซูจิ่น หากว่าเธอเป็นกระไรขึ้นมา ซูจิ่นคงต้องเสียพระทัยอย่างมาก แต่ก่อนหน้านี้ตนกลับยังสงสัยในตัวนางอีก ตนช่างเป็นคนที่........

"แล้วเหตุใดเจ้าจึงตกลงอภิเษกสมรสกับจิ้งอ๋อง......"

หยุนชางก้มหน้าลง และยิ้มมุมปากเล็กน้อย " เสด็จอานั้นทราบเรื่องสุขภาพของหม่อมฉันเพคะ...."

จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากว่าจิ้งอ๋องทราบว่าหยุนชางไม่สามารถอภิเษกสมรสและให้กำเนิดบุตรได้ แล้วทำเช่นนี้เพราะเหตุใด? หรือว่าเขามีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง?

หยุนชางจึงยิ้มและกล่าวว่า "หม่อมฉันเป็นคนทูลขอเสด็จอาเพคะ........" หยุนชางกวาดสายตาไปมองเซี่ยโหจิ้งและฮวากั๋วกง จากนั้นก็มิได้กล่าวกระไรอีก

จักรพรรดิหนิงเห็นสายตาของหยุนชางเช่นกัน หลังจากเงียบไปอยู่นาน จึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า "เมื่อสักครู่นั้นฮวากั๋วกงทูลว่ามีเรื่องพบชางเอ๋อร์มิใช่หรือ? เรื่องอันใดกันหรือ?"

ฮวากั๋วกงยิ้มและกล่าวว่า "สองสามวันก่อนข้าพบองค์หญิง และรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของนางมีความคล้ายกับบุตรสาวที่น่าสงสารของตนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นฉันจึงเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับองค์หญิงเล็กน้อย เหตุที่วันนี้เข้ามาในพระราชวังก็เพราะทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจิ้งอ๋อง ข้าเกรงว่าองค์หญิงจะเศร้าพระทัย จึงคิดว่าเข้ามาพบพ่ะย่ะค่ะ........."

ขณะที่เขาทูลพ่อฝ่าบาท ก็พบว่าหัวหน้าเจิ้งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

ฮวากั๋วกงหยุดพูด และทั้งสามคนมองไปที่หัวหน้าเจิ้งพร้อมกัน หัวหน้าเจิ้งก้มหน้าลงและทูลด้วยเสียงเบาๆ ว่า " ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เซียวหย่วนซาน ใต้เท้าเซียวขอพบพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางเลิกคิ้วด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อวานก่อนจิ้งอ๋องบอกกับนางแล้วว่า ท่านตาจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้ แต่ทว่าเมื่อวานนี้ตนยุ่งอย่างมาก จึงลืมเรื่องนี้ไป แต่ไม่คาดคิดว่าท่านตาจะเข้าวังในวันนี้

"เสด็จพ่อเพคะ ท่านตามาแล้วเพคะ" หยุนชางหันหน้าไปและมองไปทางจักรพรรดิหนิงพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

จักรพรรดิหนิงก็ตกตะลึง ตั้งแต่ที่จิ่นเฟยเข้าตำหนักเย็นไป เซียวหย่วนซานก็ออกจากตำแหน่งและเกษียณไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครทราบ ตอนนี้จิ่นเฟยกลับมารอกำเนิดบุตรที่วังเฟิ่งไหล ได้ข่าวว่า ท่านไปพบจิ่นเฟยอยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ท่านเข้ามาในวังอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเพื่อเหตุใด.........

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง