"ตายเพราะยาพิษงั้นหรือ? " ผู้คนที่ยืนอยู่ภายในตำหนักต่างก็มองหน้ากันไปมา ล้วนไม่อยากจะเชื่อทั้งนั้น นางกำนัลคุกเข่าลงกับพื้นอย่างกะทันหันและรีบพูดว่า " องค์หญิงเพคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบหม่อมฉันนะเพคะ เมื่อสักครู่นั้นท่านพี่ฉินยีให้หม่อมฉันเอาเบาะมาวาง แต่พอหม่อมฉันเดินเข้าตำหนักบรรทมมาก็เห็นแมวตัวนี้ล้มอยู่กับพื้นและไม่มีลมหายใจเพคะ หม่อมฉันตกใจอย่างมาก จึงตะโกนออกมา แต่หม่อมฉันก็นึกขึ้นได้ว่า แมวตัวนี้เป็นแมวที่หม่อมฉันและนางกำนัลคนอื่นๆ เก็บมาเลี้ยงเพคะ หม่อมฉันเกรงว่าองค์หญิงจะโกรธเคือง จึงคิดจะโยนมันออกนอกหน้าต่างไป ค่อยไปจัดการทีหลังเพคะ แตหม่อมฉันไม่คาดคิดว่าแมวตัวนี้จะตายเพราะยาพิษเพคะ....."
หยุนชางเหลือบมองนางอย่างเย็นชา "ที่เจ้าว่ามาเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงนั้น ข้ามั่นใจว่าท่านหัวหน้าผู้นี้จะสามารถให้คำตอบข้าได้อย่างแน่นอน....."
หัวหน้าสำนักตรวจการรีบพยักหน้าตอบกลับ " ขอรับ นี่เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันขอรับ แต่การลอบสังหารองค์หญิงนั้นถือเป็นโทษหนัก หม่อมฉันต้องทูลฝ่าพระบาททรงทราบขอรับ ท่านองค์หญิงคิดว่า?"
หยุนชางพยักหน้า " แน่นอนอยู่แล้ว แต่คนของท่านหัวหน้าคงมีกิจติดตัวกันทุกคน ให้นางกำนัลคนสนิทของข้าไปทูลต่อเสด็จพ่อก็ได้" หัวหน้ากำลังจะพูดบางสิ่ง
หยุนชางก็เอามือกุมขมับและเอ่ยปากกล่าวว่า "เพิ่งกลับมาก็เจอเรื่องเช่นนี้ ช่างน่าเป็นห่วงเสียจริง ท่านจะต้องหาตัวฆาตกรให้เจอโดยเร็วนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าอยู่คงไม่สบายใจ ฉินยี ไปเถิด......"
ฉินยีพยักหน้าและรีบออกไป หยุนชางกล่าวอีกครั้งว่า "แม้ว่าคราวนี้จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่ยาพิษนี้มันอยู่ในชามพระโอสถของข้า หากว่าข้าเผลอเสวยเข้าไปโดยมิได้ระวัง ข้าคงไม่มีโอกาสมานั่งพูดอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครที่วางยาพิษนี้ คงเป็นคนของตำหนักชิงซินนี้อย่างแน่นนอน ท่านหัวหน้าสั่งให้คนมาปิดตำหนักชิงซินนี้เสีย อย่าให้ผู้ร้ายได้โอกาสหนีออกไปเด็ดขาด"
หัวหน้าสำนักตรวจการพยักหน้าตอบรับ " สิ่งที่องค์หญิงตรัสนั้นทรงมีเหตุผล หม่อมฉันจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้ขอรับ"
หยุนชางพยักหน้า ไอสองไปครั้ง จากนั้นก็เอนตัวพิงเสาบนพระแท่นบรรทมและแสร้งหลับตาลง สีหน้าของนางขาวซีด ร่างกายนางดูอ่อนแอเหลือเกิน
"พระโอสถขององค์หญิงได้หกไปหมดแล้ว ให้กระหม่อมไปต้มให้อีกหนึ่งถ้วยดีหรือไม่เจ้าคะ?" หยุนชางหลับตา ได้ยินเสียงของฉินเมิ่งดังมาเบาๆ หยุนชางไม่ได้ลืมตาขึ้น นางโบกมือ "ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะร่างกายของข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ อย่าไปเสียเวลาเลย ตอนนี้ข้ายังสามารถหายใจได้ หากว่าโดนวางยาพิษจริง ข้าคงไม่มีโอกาสได้หายใจแล้ว ยานี้จะเสวยหรือไม่นั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว"
ฉินเมิ่งได้ยินเช่นนี้ จึงถอยกลับมาอย่างกลัวๆ แววตาของนางกวาดมองไปที่หยุนชาง จากนั้นก็ก้มหน้าลง แล้วจ้องมองไปที่นิ้วเท้าที่โผล่ออกมานอกกระโปรงเล็กน้อย มือที่อยู่ในแขนเสื้อนั้นก็กำไว้อย่างแน่น
"ฝ่าบาทพะยะค่ะ ฝ่าบาทพะยะค่ะ เสด็จอย่างช้าๆนะพะยะค่ะ อย่าได้รีบรนเลยพะยะค่ะ......." มีเสียงตะโกนอย่างเร่งรีบดังมาจากด้านนอกประตู นั้นเป็นเสียงของขันทีเจิ้ง เสด็จพ่อเสด็จหรือ? หยุนชางคิดในใจ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาหนึ่งข้างและเห็นแสงสีเหลืองนั้นสว่างวาบผ่านตาไป เมื่อนางจ้องมองเข้าไปอย่างตั้งใจ นางก็เห็นใบหน้าของจักรพรรดิหนิงนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าตน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล " ชางเอ๋อร์ ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"
หยุนชางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว "เสด็จพ่อมิต้องกังวลไปเพคะ ชางเอ๋อร์ไม่เป็นไรเพคะ แต่สงสารเจ้าแมวตัวนี้ได้รับเคาะแทนชางเอ๋อร์ ช่างบาปกรรมเสียจริง"
จักรพรรดิหนิงเดินทางมาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นว่าหยุนชางไม่เป็นไร อารมณ์ของท่านก็สงบลงเล็กน้อย ท่านนั่งอยู่ข้างๆ และมองไปที่หัวหน้าสำหนักตรวจการที่คุกเข่าอยู่บนพื้น "ตรวจสอบและต้องหามือลอบสังหารออกมาให้ได้ "
หัวหน้าสำนักตรวจการตอบกลับไปว่า " พะยะค่ะ หม่อมฉันจะตรวจสอบประเดี๋ยวนี้พะยะค่ะ" ขณะที่เขาพูดเขาก็ลุกขึ้นยืน และพูดกับขันทีที่อยู่ข้างหลังเขาว่า "ไปนำคนทั้งหมดที่อยู่ในตำหนักนี้มาที่ห้องตำหนักใหญ่"
หลังจากสั่งการเสร็จเขาก็หันกลับไปถามจักรพรรดิหนิงว่า " ทูลฝ่าบาทพะยะค่ะ ฝ่าบาทและองค์หญิงจะ...."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง