"ซู่เฟยเหนียงเหนียงมิได้ขาดแคลนปิ่นปักผม แล้วเหตุใดจึงขโมยปิ่นปักผมของฮองเฮา?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉินยีและฉินเมิ่ง ดวงตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
ฉินยีส่ายหน้าเพื่อแสดงว่าตนนั้นมิทราบ แต่กลับเป็นฉินเมิ่งที่อธิบายด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิงมิทราบเจ้าคะ ปิ่นปักผมของฮองเฮานั้นมีลวดลายเป็นนกฟีนิกซ์ ภายในราชวังนี้ นกฟีนิกซ์ถือเป็นตัวแทนของพระราชินี ซู่เฟยเหนียงเหนียงทรงขโมยปิ่นปักผมของฮองเฮาไป นั่นก็แสดงว่า ซู่เฟยเหนียงเหนียงมีความคิดที่อยากจะครองตำแหน่งราชินีมิใช่หรือ? นี่เป็นการดูหมิ่นที่ร้ายแรงนะเจ้าค่ะ "
หยุนชางเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ "มิร้ายแรงเช่นนั้นหรอก สถานะในวังหลังของซู่เฟยเหนียงเหนียงก็นับว่า "อยู่ใต้คนๆ เดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น ในวังหลังนี้” นอกจากฮองเฮาแล้วก็นางนี่แหละที่ได้รับการโปรดปรานมากที่สุด แล้วเหตุใดนางจึงคิดอยากได้ตำแหน่งพระราชินีเล่า?"
ฉินเมิ่งมองดูหยุนชางเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเรื่อยๆ " พระราชินีและนางสนม ถึงยังไงก็แตกต่างกันนะเจ้าคะ ไม่ว่าซู่เฟยเหนียงเหนียงจะได้รับความโปรดปรานมากเพียงใด นางก็ต้องคุกเข่าถวายบังคมพระราชินีอยู่ดี และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ แคว้นหนิงนั้นมีวัฒนธรรมแต่งตั้งเพียงองค์รัชทายาทของพระราชินีเท่านั้น มิได้มีการแต่งตั้งองค์รัชทายาทคนแรก ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่มีองค์รัชทายาท ฮ่องเต้เองก็ยังร่างกายแข็งแรง หากฮองเฮาและซู่เฟยเหนียงเหนียงต่างก็มีองค์รัชทายาท ถ้าเช่นนั้นมันจะต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยเจ้าค่ะ"
หยุนชางขมวดคิ้วและกระซิบเบาๆ ว่า "เรื่ององค์รัชทายาทนั้นนินทากันมิได้นะ วันนี้เจ้าพูดต่อหน้าข้า ข้าจะคิดเสียว่ามิได้ยินแล้วกัน หากว่าเรื่องถึงรู้ถึงหูคนอื่น แม้ว่าข้าเป็นองค์หญิง ข้าก็คงช่วยเจ้าไม่ได้เช่นกัน"
ฉินเมิ่งเองก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าตนนั้นพูดมากเกินไป และได้พูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกมา จากนั้นนางจึงคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวว่า "องค์หญิงโปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเจ้าค่ะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ หม่อมฉันจะไม่นินทาผู้อื่นอีกแล้วเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้า เอามือยันหัวไว้แล้วหาวออกมา " ออกไปเถิด ข้าง่วงแล้ว วันนี้ข้าเหนื่อยเกินไป ข้าจะพักผ่อนแล้ว"
ฉินเมิ่งรีบถวายบังคมแล้วออกไป ฉินยีตามนางกำนัลยกน้ำมาปรนนิบัติหยุนชางก่อนนอน หยุนชางนอนอยู่บนเตียงและจ้องไปด้านบนของเตียง กล่าวเบาๆ ว่า " สนมซู่และฮองเฮาช่างน่าสนใจจริงๆ"
ฉินยีที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยิน จึงกล่าวว่า " ฮองเฮาของเรานั้นมิใช่คนที่ใจกว้างต่อผู้อื่น ซู่เฟยเหนียงเหนียงสามารถได้รับความโปรดปรานของฝ่าบาท และอยู่ในวังหลังนี้มาเป็นสิบปีได้ แสดงว่านางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา "ใช่สิ พวกเขาล้วนไม่น่าเป็นมิตร ไม่รู้เหมือนกันว่าหากพวกเขาแย่งชิงกันขึ้นมาใครจะเก่งกว่ากัน"
"แต่มองสถานการณ์ในวันนี้แล้ว เหมือนว่าฮองเฮาจะแข็งแกร่งกว่านะเจ้าคะ"
ฮองเฮางั้นหรือ? หยุนชางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและส่ายหน้า "ข้าไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นนะ ช่างมันเถิด นอนพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"
ฉินยีตอบกลับ จากนั้นก็เป่าไฟดับ แล้วถือโคมไฟเดินออกไป ไปนอนที่ห้องด้านข้าง
หยุนชางหลับตาลง และสิ่งฉินเมิ่งพูดก็ดังขึ้นมาในหู แต่งตั้งเพียงองค์รัชทายาทของพระราชินีเท่านั้น ไม่แต่งตั้งองค์รัชทายาทคนแรกของราวงค์งั้นหรือ? รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยุนชาง องค์รัชทายาทของหยวนเจินฮองเฮา จะคู่ควรกับการเป็นฮ่องเต้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงอย่างหยวนเจินฮองเฮา จะคู่ควรแกให้กำเนิดบุตรชายให้กับเสด็จพ่อของนางได้อย่างไร?
ฟ้าเริ่มสว่าง หยุนชางตื่นพระบรรทม ฉินยีมายืนรอที่ข้างเตียงตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อนางเห็นหยุนชางลืมตาขึ้นจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า "องค์หญิงทรงอาศัยอยู่กับนายท่านมาหลายปี แน่นอนว่าจะลำบากเล็กน้อยกับการใช้ชีวิตที่นี่ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่วัง หากไม่เที่ยงวันองค์หญิงก็จะไม่ตื่นพระบรรทมนะเจ้าคะ แต่ตอนนี้กลับตื่นพระบรรทมแต่เช้าเช่นนี้ ให้บ่าวปรนนิบัติองค์หญิงตื่นพระบรรทมเถิดเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าและลุกขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง