เมื่อตื่นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น หยุนชางก็ออกไปเดินเล่น จวนมีขนาดไม่ใหญ่นัก เพียงครู่เดียวนางก็เดินรอบแล้ว เมื่อกำลังเดินวนรอบที่สองก็เห็นหลิ่วหยินเฟิงเดินออกมาที่ชายคาบ้านแล้วมองมายังนาง ในมือมีขลุ่ยหยกของนางอยู่
หยุนชางตกใจ หรือว่าเขาดูอะไรออกแล้วหรือ? ไม่ควรเป็นเช่นนั้น ขลุ่ยหยกนี้มีขนาดเล็กมาก แม้ว่าจะเป็นหยกชั้นดี แต่ก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นของล้ำค่าแต่อย่างใด นางคิดพลางกล่าวทัก "เอ๊ะ ในมือของพี่ชายเป็นขลุ่ยหยกของข้าใช่หรือไม่?"
หลิ่วหยินเฟิงยกมือขึ้นมาดูแล้วพยักหน้า จากนั้นก็มองหยุนชางแล้วกล่าวว่า "ข้าเห็นว่าขลุ่ยหยกนี้เล็กนัก ดูท่าทางไม่น่าจะเป่าได้..."
หยุนชางยิ้มจนตาหยี "นี่เป็นของแทนใจของท่านพ่อกับท่านแม่" หยุนชางก้าวเข้าไปอยู่ด้านหน้าของหลิ่วหยินเฟิง แววตาคล้ายกำลังรำลึกความหลัง "ท่านแม่บอกว่าขลุ่ยหยกอันนี้ท่านตาได้ซื้อมาจากคนจากต่างแดน ขลุ่ยหยกอันเล็กน่ารัก สามารถเอามาใช้เป็นเครื่องประดับได้ ท่านแม่ชอบมากจึงขอมาจากท่านตา แต่ขลุ่ยอันนี้ออกจะเอาแต่ใจ ท่านแม่จะเป่าอย่างไรก็ไม่มีเสียง พ่อค้าที่ขายขลุ่ยนี้ให้ท่านตาบอกว่า ผู้ที่จะเป่าขลุ่ยนี้ต้องได้ต้องมีชะตาต้องกัน ต่อมามีครั้งหนึ่ง ท่านแม่ไปไหว้พระที่วัดแล้วทำขลุ่ยหยกนี้หายไป ตอนที่กลับไปหาก็ได้ยินเสียงขลุ่ยเบาๆ เมื่อตามเสียงนั้นไปก็เจอกับท่านพ่อที่กำลังเป่าขลุ่ยหยกของนางอยู่"
"อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้ เพราะขลุ่ยนี้ท่านพ่อและท่านแม่จึงได้พบกัน" หยุนชางถอนหายใจ สายตามีแววคิดถึง "หลังท่านพ่อจากไปแล้ว ท่านแม่ก็ให้ขลุ่ยนี้กับข้า เพียงแต่ข้าก็เป่าไม่ดังเช่นกัน"
เมื่อคืนยามพ่อบ้านหลิ่วเก็บขลุ่ยหยกอันนี้ไป หยุนชางก็แต่งเรื่องไว้ ตอนนี้เมื่อนางพูดออกมาจึงดูไม่มีพิรุธ
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็เอาขลุ่ยมาพินิจดูอีกครั้งแล้วจึงวางลงบนริมฝีปากเป่าดูอยู่ชั่วครู่ แต่เพียงเป่าได้ออกมาเป็นเสียง "ฟู่" เท่านั้น กลับทำให้หยุนชางตกใจมาก "เอ๊ะ มันดังด้วยหรือ ตอนข้าเป่าไม่มีเสียงใดๆ ออกมาเลยไม่ว่าจะใช้แรงเท่าใด"
ดูเหมือนหลิ่วหยินเฟิงจะรู้วิธีเป่ามันแล้ว เมื่อเป่าดูอีกครั้งก็ดูสบายขึ้นมาก เเม้ว่าจะเป็นเสียงไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ก็พอฟังออกเป็นเพลง
หยุนชางมีสีหน้ายินดีขึ้นเรื่อยๆ นางยื่นมือไปขอขลุ่ยจากหลิ่วหยินเฟิงมาลองเป่าดูบ้าง แต่ก็ยังไม่มีเสียงออกมา หยุนชางเเสร้งทำเป็นใช้เเรงเป่าอย่างมากจนหน้าแดง แต่ก็ยังคงไม่มีเสียงออกมาเช่นเดิม
หลิ่วหยินเฟิงดูเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ สายตาของเขามองหยุนชางนิ่ง หยุนชางเอาขลุ่ยวางบนมือของเขาอย่างรำคาญใจ "ดูเหมือนว่าขลุ่ยนี้จะมีชะตาต้องกันกับพี่ชาย เพียงแต่ข้าไม่มีพี่สาวน้องสาว หากข้ามีพี่น้องก็คงยกให้แต่งงานกับพี่ชายได้"
หลิ่วหยินเฟิงคาดไม่ถึงว่านางจะกล่าวเช่นนี้จึงอึ้งไป สายตาที่มองหยุนชางกลับยิ่งดูลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย
"คุณชาย คุณชาย ลุงหลิ่วนำข้าวเช้ามาให้แล้วขอรับ รีบมาทานข้าวเถอะขอรับ" เสียงของเฉี่ยนอินดังแว่วมาพร้อมแฝงไปด้วยแววไม่พอใจ
หยุนชางถอนหายใจแล้วขานรับ "รู้เเล้ว" แล้วถึงโบกมือให้หลิ่วหยินเฟิงเล็กน้อย แล้วจึงหมุนตัวกลับไปทางห้องของตนเอง เมื่อไปถึงก็ได้ยินเสียงของเฉี่ยนอินบ่นไม่หยุด "คุณชาย ท่านคุยอะไรกับคนๆ นั้นหรือ เขาเป็นคนขังพวกเราไว้ที่นี่นะขอรับ"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบนาง เพียงขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อครู่นางเห็นว่าชุดของหลิ่วหยินเฟิงชื้นอยู่เล็กน้อย เช่นนั้นน่าจะเป็นเพราะเปียกน้ำค้าง เมื่อวานเขาออกไปทั้งคืนเลยหรือ? หากไม่ได้กลับมาทั้งคืนแล้วเขาออกไปทำอะไรกัน เมื่อครู่หยุนชางอาศัยตอนเป่าขลุ่ยออกคำสั่งแก่สายลับโดยรอบ ขลุ่ยหยกไม่ได้อยู่ข้างกายนาง พวกเขาจะต้องมารายงานเรื่องต่างๆ ในวันนั้นให้นางรู้ในยามไฮ่ รวมไปถึงเรื่องการเคลื่อนพลและสถานการณ์ในค่ายทหารนอกเมืองคังหยาง
ที่ตอนนี้ในเมืองคังหยาง เรื่องที่หยุนชางถูกหลิ่วหยินเฟิงนำตัวไปกลับเพิ่งไปถึง
ในค่ายเต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นยะเยียบ ไม่ว่าพวกเขาจะไม่ชอบหยุนชางอย่างไรแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงไปได้ว่าหยุนชางคือองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงและพระชายาของจิ้งอ๋อง ตอนนี้กลับหายตัวไปภายใต้จมูกของพวกเขา หากถูกจักรพรรดิหนิงและจิ้งอ๋องเอาเรื่องขึ้นมาคงจะร้ายแรงมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง