หยุนชางคาดไม่ถึงว่าจักรพรรดิหนิงจะผลักนางออกมา นางตะลึงครู่หนึ่ง จิ้งอ๋องยื่นมือออกมาบีบฝ่ามือของนาง จากนั้นหยุนชางจึงยิ้มเล็กน้อย แล้วยกแก้วสุราและเหยือกสุราบนโต๊ะขึ้นมา เดินอ้อมโต๊ะเตี้ยข้างหน้าไป เดินไปที่กลางห้องโถง และคำนับจักรพรรดิหนิง จากนั้นจึงยกแก้วสุราขึ้นอมยิ้มและมองไปที่ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า ซึ่งมองแสดงสีหน้าไม่ชัดเจน "ชางเอ๋อร์ดื้อรั้นเองเพคะ จึงทำให้แคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงนั้นได้สูญเสียทหารจากการสู้รบไปจำนวนมาก ชางเอ๋อร์ขอไถ่โทษด้วยการดื่มสามแก้วเพคะ เพื่อเป็นการปลอบโยนวิญญาณของเหล่าทหารจำนวนมาก และหวังว่าจากนี้ไปจะไม่มีสงครามอีก"
ชายคนนั้นมองดูนางอย่างเงียบๆ เขาเลิกคิ้วขึ้น แววตาของเขาเปลี่ยนทิศทางไป หยุนชางมองไปตามทิศทางที่เขากำลังมอง จึงทราบว่าเขากำลังมองไปที่จิ้งอ๋อง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยินจักรพรรดิแคว้นเซี่ยใช้เสียงที่ได้ยินแค่สองคนนั้นกล่าวว่า " ชิงเหยียนนั้นได้อภิเษกสมรสกับภรรยาที่ดีเชียวนะ"
หยุนชางตกตะลึง จึงรู้สึกตัวได้ว่าชิงเหยียนที่เขากล่าวถึงนั้นคือจิ้งอ๋อง
ดวงตาของหยุนชางจับจ้องไปที่จักรพรรดิแคว้นเซี่ย แต่ทันใดนั้นก็เห็นว่าเขายกมือขึ้นอย่างกะทันหันและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "พระชายาจิ้งอ๋องนั้นกล้าหาญอย่างมาก"
หยุนชางมองไม่ออกว่าเขาแสดงสีหน้าอย่างไร นางตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและดื่มสุราในแก้วจนหมดสิ้น จากนั้นก็เทอีกสองแก้วแล้วดื่มอย่างไม่ลังเล เสียงปรบมือดังขึ้น หยุนชางยิ้มและโค้งคำนับจักรพรรดิหนิง แล้วจึงหันหลังกลับสู่ที่นั่งของตน เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นแววตาของหลิ่วหยินเฟิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นเผยความตะลึงและโกรธเคืองออกมา
อาจจะเป็นเพราะว่าโกรธที่ตนไปหลอกเขา หยุนชางคิดในใจแต่มิได้สนใจ นางก้มหน้าลงและกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าตน นางคิดในใจว่า อาหารจานนี้สดชื่นอย่างมาก ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร ประเดี๋ยวนี้คงต้องไปถามหัวหน้าเจิ้งแล้วล่ะ
ขณะที่กำลังกินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น จากนั้นก็เป็นเสียงที่พูดภาษาแคว้นหนิงออกมาแปลกๆดังขึ้น " ก่อนหน้านี้ได้ข่าวมาตลอดว่าพระชายาจิ้งอ๋องนั้นเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ไม่คาดคิดว่าท่านจะสามารถเข้าสู้สนามรบได้ ผู้ชายแคว้นหนิงไม่สามารถรบสงครามได้แล้วหรือ? สิ่งที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือ แคว้นเซี่ยนนั้นถูกผู้หญิงจัดการจนหมดหนทางสู้อย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่า..."
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองไปตามทางที่เสียงดังขึ้น นางก็พบเห็นชายผิวคล้ำกำลังกล่าว เขาดูอ้วนเล็กน้อย แววตาของเขาดูถูกเหยียดหยาม หยุนชางมองดูชุดของบริวารที่คุกเข่าอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นก็ทราบตัวตนของคนผู้นั้นแล้ว องค์ชายใหญ่ของแคว้นเย้หลาง ชางเจียคังหนิง หยุนชางมองไปข้างหลังชางเจียคังหนิงอีกที นางไม่พบหัวจิ้ง นางจึงคาดเดาอยู่ในใจ และได้คำตอบมา แม้ว่างานเลี้ยงนี้จะไม่ใช่งานเลี้ยงขนาดใหญ่เช่นไร แต่ตอนนี้หนิงหัวจิ้งเป็นเพียงนางสนม จึงไม่สามารถมาออกงานได้
หยุนชางเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิหนิงค่อนข้างแย่ นางจึงหยิบชาบนโต๊ะขึ้นมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "องค์ชายใหญ่ทรงดูถูกผู้หญิงเช่นนี้ หรือว่าท่านจะทรงโปรดผู้ชายหรือ?"
คำพูดที่พูดออกมานั้นไม่อ่อนโยน ทำให้คนที่อยู่ในงานนั้นล้วนตกตะลึงอย่างมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ชางเจียคังหนิงขมวดคิ้วและตะโกนเสียงดัง เขาอาจจะพูดเป็นภาษาแคว้นเย้หลาง หยุนชางไม่ค่อยได้ยินในสิ่งที่เขากล่าว เพียงแค่เห็นว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องนั้นแย่ลงเล็กน้อย คงมิใช่คำพูดที่ดียิ่งนักหรอก
จิ้งอ๋องเยาะเย้ยอย่างเย็นชา หยุนชางไม่เห็นว่าจิ้งอ๋องลงมืออย่างไร จากนั้นก็ได้ยินชางเจียคังหนิงร้องเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อทุกคนมองไปก็เห็นว่ามีมีดปักอยู่บนโต๊ะตรงหน้าชางเจียคังหนิง ด้วยเหตุที่มีแขกมาจากแคว้นอื่นๆ จักรพรรดิหนิงได้สั่งให้เตรียมขาแกะย่างมาโดยเฉพาะ เดิมทีมีดเล็กเล่มนั้นวางอยู่บนโต๊ะสำหรับให้แขกตัดเนื้อ แต่ตอนนี้มันกลับปักอยู่บนโต๊ะ และยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย
ทุกคนตกตะลึง จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่ไร้อารมณ์ของจิ้งอ๋องดังขึ้น "ข้าไม่ชอบให้ใครมาดูหมิ่นพระชายาของข้าอยู่แล้ว หากว่าเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลเช่นนั้นอีก คราวหน้ามีดเล่มนั้นก็คงจะเสียบอยู่ที่ปากของเจ้า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง