นางเรียกให้คนใช้ไปเตรียมน้ำร้อนมาก เฉี่ยนอินเดินไปหาหยุนชางและกล่าวว่า "ตอนนี้มือของพระชายาได้รับบาดเจ็บ ไม่เหมาะที่จะโดนน้ำ ให้หม่อมฉันปรนนิบัติพระชายาเถิดเพคะ"
หยุนชางพยักหน้าและหันหลังเดินเข้าไปในห้องทรง
หลังจากชำระล้างเรียบร้อยแล้ว เฉี่ยนอินก็ปรนนิบัติให้หยุนชางเข้านอน นางหันหลังไปหยิบตะเกียงบนโต๊ะแล้วถามเบาๆ ว่า "พระชายาเพคะ ให้จุดตะเกียงทิ้งไว้หรือไม่เพคะ"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "จุดทิ้งไว้เถิด"
เฉี่ยนอินวางตะเกียงไว้บนโต๊ะ โค้งคำนับและเดินออกจากห้องไป หยุนชางจ้องไปที่ตะเกียงเคลือบแก้วที่กำลังแผดเผาอย่างเงียบ ๆ และขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ตนเคยนอนคนเดียวมาก่อนและไม่รู้สึกว่าเป็นกระไร แต่ตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองจิ้งหยางแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่คุ้นชินเล็กน้อย
หยุนชางพลิกตัวไปมาทั้งคืน กระทั่งรุ่งเช้านางจึงหลับไป
ทันทีที่เพิ่งหลับไป เฉี่ยนอินก็มาปลุกให้นางตื่น เสียงของเฉี่ยนอินร้อนรนและตื่นตระหนกเล็กน้อย "พระชายาเพคะ ท่านรีบลุกขึ้นมาดูเร็ว พระราชวังส่งข่าวมาบอกว่า องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางสิ้นพระชนม์แล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของท่านอ๋อง ท่านทูตแห่งแคว้นเย้หลางมาโวยวายถึงที่ตำหนักจินหลวนแล้วเพคะ ฝ่าบาททรงพิโรธอย่างมาก ตอนนี้พระองค์กำลังตามท่านอ๋องอยู่เพคะ"
หยุนชางตกตะลึง นางไม่ได้ยินสิ่งที่เฉี่ยนอินกล่าวเลย นางรู้สึกเพียงว่าเหมือนเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น จากนั้นนางก็ลุกจากเตียงด้วยความมึนงง
เฉี่ยนอินเองก็คุ้นเคยกับนิสัยของหยุนชางอย่างมาก เมื่อเห็นว่าหยุนชางมีสติขึ้นหลังจากที่ล้างหน้าแล้ว นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดนี้อีกครั้ง
ว่ากันว่าเมื่อวานนี้ท่านอ๋องดื่มสุราอยู่ที่หออวี่หมั่น จากนั้นก็ได้พบองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลาง แล้วทั้งสองก็เกิดความขัดแย้งกันโดยไม่ทราบสาเหตุ และดูเหมือนว่าจะมีการลงไม้ลงมือกันด้วย ต่อมาชางเจียคังหนิงถูกลูกน้องของเขาลากตัวไป ได้ยินว่าขณะที่กลับไปนั้นเขายังด่าทออยู่ และสีหน้าของจิ้งอ๋องไม่ดีนัก ต่อมาในกลางดึกชางเจียคังหนิงก็ถูกสังหาร ทหารได้ยินเพียงเสียงร้อง และท่านร้องออกมาเป็นชื่อของจิ้งอ๋อง และเมื่อทหารบุกเข้าไปก็พบว่าองค์รัชทายาทได้สิ้นพระชนม์แล้ว ในมือของชางเจียคังหนิงนั้นถือป้ายหยกอยู่หนึ่งอัน ซึ่งป้ายหยกนั้นสลักตัวอักษรจิ้งเอาไว้ และนั้นก็คือป้ายคาดเอวของจิ้งอ๋อง
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเหตุจูงใจในการลอบสังหารหรือหลักฐานและพยาน ทั้งหมดนี้ล้วนมีครบแล้ว เหลือเพียงแต่ไม่มีใครเห็นจิ้งอ๋องแทงกระบี่เข้าไปในร่างกายของชางเจียคังหนิงเท่านั้นเอง และตอนนี้จิ้งอ๋องได้หายตัวไปแล้ว ดูเหมือนว่าท่านจะหนีความผิดไป
"หลบหนีเพื่อหนีความผิดอย่างนั้นหรือ?" หยุนชางหัวเราะเยาะเย้ยเมื่อได้ยินเช่นนี้ "คนที่จิ้งอ๋องฆ่าไปนั้นมีน้อยหรือ? หากว่าท่านอยากสังหารใครสักคนจริงๆ ท่านจำเป็นต้องหนีความผิดหรือ?"
เฉี่ยนอินกังวลอย่างมาก นางรู้สึกโกรธตัวเองอย่างมาก "เมื่อคืนนี้หม่อมฉันน่าจะขอให้พ่อบ้านส่งคนไปตามหาท่านอ๋อง หากมิใช่เพราะว่าหม่อมฉันเปลี่ยนใจกะทันหัน ก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรอก "หลังจากพูดจบ นางก็มองไปที่หยุนชาง "พระชายาเพคะ ท่านอยากจะเข้าไปดูสถานการณ์ในพระราชวังหรือไม่เพคะ? ลองไปพูดคุยกับฝ่าบาท ฝ่าบาททรงโปรดท่านมาโดยตลอด แน่นอนว่าพระองค์ต้องฟังท่านอยู่แล้ว"
หยุนชางเอนกายพิงเก้าอี้ หลับตา และส่ายหน้า "ตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่เป็นพระราชธิดาของเสด็จพ่อ เท่านั้น แต่ยังเป็นภรรยาของจิ้งอ๋องด้วย เป็นไปอย่างที่เจ้ากล่าว ตอนนี้มีหลักฐานที่แน่ชัด หากว่าข้าเข้าไปยุ่ง ก็จะทำให้เกิดผลเสีย" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางถอนหายใจเบา ๆ "ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในเมื่อพวกเขาได้ลงมือกับจิ้งอ๋องแล้ว แสดงว่าคนที่คอยตามรอยข้าก็คงมีไม่น้อย ตอนนี้ศัตรูรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา แต่เราไม่ทราบว่าศัตรูคือใคร เช่นนี้สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ในตอนนี้ ก็มีเพียงแค่สั่งให้สายลับคอยติดตามการเคลื่อนไหวของจิ้งอ๋องอย่างลับๆ จากนั้นก็รอดูการเปลี่ยนแปลงของมันอย่างเงียบๆ"
ขณะที่กำลังพูด ก็เห็นว่าพ่อบ้านเข้ามาพร้อมกับคนที่แต่งตัวเป็นขันทีฝ่ายใน เขาคำนับหยุนชางแล้วกล่าวว่า "พระชายาเพคะ จิ่นกุ้ยเฟยได้ส่งคนมาแล้วขอรับ ท่านส่งสารมาว่า หากว่าพระชายาทรงมีเพลา ก็ให้เข้าวังสักประเดี๋ยวเดียวขอรับ"
หยุนชางรู้ว่าจิ่นกุ้ยเฟยคงทราบเรื่องนี้แล้ว และแน่นอนท่านก็คงเป็นห่วงตนอย่างมาก นางครุ่นคิดแล้วจึงยืนขึ้นพร้อมตอบ " ข้ากลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้วจะเดินทางไปทันที"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง