"ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะไม่มีข่าวคราวจากแคว้นเย้หลาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางอยู่ในเมืองหลวงของพวกเขาหรือไม่" หยุนชางพึมพำกับตัวเอง
เฉี่ยนอินเอียงศีรษะและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "น่าจะอยู่ที่นั่นนะเพคะ เมื่อไม่กี่วันก่อน มิใช่ส่งจดหมายมาบอกว่ารัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางสิ้นพระชนม์แล้ว จักรพรรดิแห่งแคว้นเย้หลางได้เสด็จมายัง เมืองหลวง? หม่อมฉันจำได้ว่าในจดหมายมีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า จักรพรรดิเสด็จออกนอกแคว้น องค์ชายสามดูแลแคว้นแทน องค์ชายสามน่าจะอยู่ที่นั่นนะเพคะ"
หยุนชางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่มีความทรงจำใดๆ นางจำได้เพียงข่าวว่า เสด็จพ่อเป็นผู้ที่แจ้งนางเกี่ยวกับจักรพรรดิแคว้นเย้หลางจะมาที่แคว้นหนิง ต่อมาสายลับจากแคว้นเย้หลางส่งจดหมายมารายงานในเรื่องที่นางรู้อยู่แล้ว นางจึงไม่ให้เฉี่ยนอินอ่านอีกต่อไป คงเป็นช่วงนั้นที่พลาดไป
"ในเมื่อชางเจียชิงซูอยู่ในแคว้นเย้หลาง คงจะไม่ใช่เขาเคยมาที่นี่ เกรงว่าคงจะเป็นการสั่งให้คนติดตามอยู่ที่นี่ คิดว่ามันคงเป็นเช่นนั้น หัวจิ้งเป็นด้ายที่ควบคุมชางเจียคังหนิงโดยตัวเขา หลี่จิ้งเหยียนเป็นปู่ของหัวจิ้ง แน่นอนเขาจะไม่มั่นใจหัวจิ้งทำด้วยลำพัง" หยุนชางกล่าวเบาๆ
"พระชายา พระชายาเพคะ จักรพรรดิเซี่ยเสด็จมาอีกแล้วเพคะ" สาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงาน หยุนชางเคยเห็นนางตอนที่อยู่กับพ่อบ้าน เมื่อได้ยิน ก็ยิ้มและว่า "อยู่ไหนหรือ"
สาวใช้รีบพูด "เดิมอยู่ในห้องโถงด้านหน้า แต่พระองค์ตรัสว่าวันนี้อากาศดี จึงได้ให้พ่อบ้านที่จะนำพระองค์ไปยังศาลาริมทะเลสาบเพคะ"
"ข้ารู้แล้ว" หยุนชางโบกมือแล้วให้สาวใช้ถอยไป แต่ขมวดคิ้วอย่างเบาๆ "เกรงว่าจะมาเพราะลูกชายของเขาอีกเป็นแน่"
เฉี่ยนอินหัวเราะเบาๆ "พระชายาโปรดอย่าได้ลืม ท่านอ๋องก็เป็นโอรสของพระองค์ด้วยนะเพคะ"
หยุนชางถอนหายใจและยืนขึ้น กล่าวว่า "ช่วงนี้ข้ามีอาการร้อนใน เจ้าไปช่วยข้าชงชาแก้ร้อนในแล้วนำไปที่ศาลาด้วย"
เฉี่ยนอินพยักหน้าและกล่าวว่า "จินอิ๋นฮวา(ดอกสายน้ำผึ้ง)ที่ผึ่งในปีที่แล้วยังมีอยู่ หม่อมฉันจะไปชงให้พระชายานะเพคะ"
หยุนชางพาสาวใช้สองคนไปที่ศาลา เห็นสองร่างในศาลาจากระยะไกล หยุนชางขมวดคิ้ว เขาไม่ได้มาคนเดียวหรือ? มีใครมาด้วยหรือ?
เมื่อเข้าไปใกล้ ได้เห็นชายชราที่มีหนวดเคราสีขาว ซึ่งดูเหมือนจะแก่กว่าเล็กน้อย กำลังพูดคุยสนทนากับเซี่ยหวนอวี่ ด้วยท่าทีที่มีความเคารพมาก หยุนชางเห็นว่าชายชราหนวดเคราขาวดูคุ้นหน้าเล็กน้อย และหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็นึกไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ฝีเท้าของนางหยุดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป
หลังจากคำนับ หยุนชางก็นั่งลง เซี่ยหวนอวี่เหลือบมองหยุนชางและตรัสเบาๆ "วันนี้ดูดีขึ้นเล็กน้อย"
หยุนชางยิ้มและตอบอย่างรวดเร็ว "ดีขึ้นบ้างเพคะ อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ร่างกายก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเพคะ"
"ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป ต้องบำรุงดูแลให้ดีๆ" เซี่ยหวนอวี่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ราวกับพูดตามใจนึกเท่านั้น "ไม่เช่นนั้นมันจะยากที่จะมีทายาท"
หยุนชางเกือบสำลักน้ำลาย นางใช้เวลานานพอสมควรในการทำให้อารมณ์สงบ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเขาไม่ได้สังเกต เขาก็ชี้ไปที่ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวนั่งอยู่ แล้วตรัสว่า "นี่คือซือถู หลิ่วจิ้น ใต้เท้าหลิ่ว"
หยุนชางก็จำได้ในทันใด ซือถูแห่งแคว้นเซี่ย หลิ่วจิ้น หลิ่วจิ้นเป็นท่านตาของท่านอ๋องเจ็ด เดิมเสด็จแม่ของท่านอ๋องเจ็ดในเป็นเพียงนางกำนัลทั่วไป ต่อมาหลังจากที่ท่านอ๋องเจ็ดประสูติ พ่อและพี่น้องพระสนมได้รับตำแหน่งทางการในราชสำนัก จากนั้นท่านอ๋องเจ็ดมีอายุประมาณสามชันษา เสด็จแม่ของเขาก็เสียชีวิตด้วยอาการประชวร และพระวรกายของท่านอ๋องเจ็ดก็ทรุดโทรมลง เพียงแต่ว่าท่านอ๋องเจ็ดนั้นทรงฉลาดและเป็นที่รักของจักรพรรดิแคว้นเซี่ยอยู่เสมอ ดังนั้นหลิ่วจิ้นจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งทีละขั้น ไปจนถึงตำแหน่งของซือถู ในยุครุ่งเรือง ราชสำนักของแคว้นเซี่ย อยู่ภายใต้การควบคุมของฮวากั๋วกง หลิ่วจิ้นและไท่เวย พวกเขาทั้งสาม
ต่อมาเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาฮวา ฮวากั๋วกงจึงลาออกจากตำแหน่งแม่ทัพ เซี่ยหวนอวี่ทรงเห็นถึงความสามารถ จึงประทานตำแหน่งกั๋วกงแก่เขา จากนั้นในราชสำนัก มีหลิ่วจิ้นและไท่เวยคอยดูแล ไท่เวยซึ่งเป็นบิดาของฮองเฮาองค์ปัจจุบันแห่งแคว้นเซี่ย
เซี่ยหวนอวี่พาเขามาเพื่ออะไร? หยุนชางคิดในใจอย่างลับๆ แต่ยิ้มด้วยความเคารพ และพูดเบาๆว่า "ชางเอ๋อร์คารวะท่านซือถู"
หลิ่วจิ้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าไม่เปลี่ยน และเสียงของเขาก็เย็นชาเล็กน้อย "มิบังอาจ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง