สาวใช้ผู้นั้นพลางส่ายหัวไปมา "นู๋ปี๋เรียกสาวใช้ที่ปักผ้าในพระราชวังมาสอบถามดูแล้วเพคะ ทว่าพวกเขาล้วนแต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีปักของใคร"
"รวมถึงสาวใช้ที่วังไท่อัน นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้ว " ฮองเฮาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่พลางถอนหายใจออกมา "เนื้อผ้าเล่า ?"
"เนื้อผ้าล้วนแต่เป็นผ้าที่ข้ารับใช้นำมาทำเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์เพคะ จึงเป็นการยากที่จะตามหา เพราะข้ารับใช้ในวังทุกวังมักจะมี อีกทั้งยังมีเป็นจำนวนมากอีกด้วย " สาวใช้คนนั้นพลันรีบร้อนตอบคำถาม
ฮองเฮานิ่งเงียบไปชั่วครู่ พลางโบกมือให้ข้ารับใช้ถอยออกไป พร้อมหันมามองหยุนชางว่า "พระชายารุ่ยอ๋องรู้สึกเช่นไร. เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นผู้ใดทำกัน? "
"หม่อมฉันมิรู้เช่นกันเพคะ. หากเนื้อผ้าล้วนแต่เป็นของที่พระราชวังมีอยู่แล้ว คงจะต้องเป็นคนในพระราชวังที่เป็นผู้ลงมือ คนภายนอกจะมาหยิบใช้ล้วนแต่ยากมากที่จะทำได้. หากแต่ พวกหม่อมฉันเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน เข้าวังมาก็น้อยครั้ง อีกทั้งยังมิเคยมีความคับข้องหมองใจต่อคนในวังอีกด้วย ใครที่ทำเรื่องนี้ล้วนแต่มีจิตใจที่ชั่วร้ายเป็นอย่างมาก " หยุนชางพลางคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมอยู่ออก พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจเล็กน้อย
ฮองเฮาได้ยินดังนั้นราวกลับสำลักกลางอากาศ ฝ่ามือกำผ้าเช็ดหน้าแน่นมาก เพียงชั่วครู่ จึงลุกขึ้นยืนว่า "ดอกเหมยในยามวสันฤดูนั้นดูงดงามเป็นอย่างมาก อีกทั้งพระชายารุ่ยอ๋องยังต้องรอคงไต้ซือเข้าวังมาอีก ไปไปมามาเช่นนี้เกรงว่าจะเสียเวลา มิเช่นนั้นช่วยพาเปิ่นกงเดินชมสวนดอกไม้เสียหน่อยเป็นเช่นไร"
ในอุทยานดอกไม้นั้น ดอกเหมยล้วนแต่เบ่งบานสวยงามเป็นอย่างมาก ในตำหนักล้วนแต่เต็มไปด้วยดอกไม้ ทุกที่เต็มไปด้วยสีชมพูสดใส หยุนชางเดินอยู่ด้านหลังฮองเฮานั้น มิรู้ว่าจุดประสงค์ของนางคืออันใดกันแน่
เมื่อเดินครบครึ่งค่อนสวนอุทยานแล้วท ฮองเฮาพลันโบกมือให้ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังถอยไป พลางก้มลงหยิบกลีบดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวจากพื้นดินขึ้นมา พร้อมกระซิบเบา ๆว่า "สนมในวังหลังล้วนแต่เหมือนกับกลีบดอกเหมยพวกนี้ เมื่อครั้งที่ยังเบ่งบานอยู่นั้น นางก็สามารถเบ่งบานบนกิ่งก้านได้อย่างสวยงาม หากเมื่อกาลเวลาผ่านไป ก็จะล่วงโรยลงมายังพื้นดินและถูกผู้คนเหยีบย้ำ"
หยุนชางนิ่งเงียบมิได้พูดอันใดออกมา หากแต่ฮองเฮากลับยิ้มบาง ๆ ว่า "หากอยากจะอยู่บนกิ่งไม่ให้นานขึ้นนั้น ก็ต้องทำให้ตนเองมีสีสันที่สวยงามอยู่เสมอ เพื่อดึงดูดผีเสื้อให้มาดอมดม หลังจากนั้นก็ต้องออกผลเป็นลูกพีช แต่เดิมเปิ่นกงล้วนแต่ชอบลูกพีชในวังมากที่สุด มิคาดคิดว่า เมื่อหล่นกระแทกกับพื้นแล้ว มันก็หายไป"
หยุนชางพลันเข้าใจในการเปรียบเทียบอันแปลกประหลาดของฮองเฮาแล้ว สมองพลันมีปฏิกิริยาแต่เพียงเปรียบเทียบฝ่าบาทเป็นผีเสื้อ ฝ่าบาทถูกเปรียบเปรยเช่นนี้เขาจักรู้หรือไม่ ?
ทว่าคำพูดเช่นนี้ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถป่าวประกาศออกไปได้ หยุนชางพลันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พร้อมพูดออกมาว่า "สภาพอากาศแคว้นหนิงมิได้เหมาะสมต่อการปลูกลูกพีชมากนัก ทว่าหม่อมฉันรู้ว่า หากเป็นผลไม้แล้ว เมื่อเป็นอย่างที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงพูดนั้น หากรสชาติ ที่ดี ลูกที่สวย ส่วนใหญ่ก็จะถูกชาวนาเก็บมาขาย ตรงกันข้ามหากเป็นลูกที่คดโค้งดั่งลุกพุทราแล้วละก็ ก็จะสามารถอยู่บนต้นได้นานกว่าเดิม "
เสียงในสวนอุทยานพลันเงียบลงไปชั่วครู่ ฉับพลันดันมีเสียงหัวเราะดังออกมา "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า. เจ้าพูดได้ดี !"
ฮองเฮาพลันหันกลับมามองดูหยุนชางที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหน้านางนั้นด้วยความปิติยินดี ดวงตาเต็มไปด้วยความแวววาว "ใช่แล้ว. ผลลัพธ์กลับเป็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างนอกมองออกเสียได้. เปิ่นกงครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่นาน ทว่าเป็นเจ้าที่ตีแตกเสียได้ ความผิดของเปิ่นกง คงผิดที่ตลอดมา เปิ่นกงล้วนแต่เพิกเฉยต่อคนที่เปิ่นกงคิดว่าไม่มีพิษไม่มีภัย ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นนางที่ร้ายกว่าใครเขา"
หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ แม้ว่าท้ายที่สุดเซี่ยหวนอวี่จะละเว้นโทษต่อการฆ่าพี่น้องของอ๋องเจ็ดไว้แล้ว แต่ว่าฮองเฮาที่ยืนหยันอยู่ในวังหลวงมานานหลายปีนั้น แต่เดิมนางก็พอมีเส้นสายที่อยู่ไกลอย่างแคว้นหนิงอยู่บ้าง
"เจ้าไม่กี่วันก่อนหน้านั้นล้วนแต่ใกล้ชิดเซียงกุ้ยผิน. เนื่องจากเป็นเพราะรุ่ยอ๋องเพิ่งกลับมาแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน จึงยังไม่มีผู้ใดคอยสนับสนุน เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบหาพันธมิตรในวังให้เร็ว หากจุดประสงค์เจ้าจะเข้าหาเซียงกุ้ยผินแล้ว เกรงว่าเจ้าคงจะช้าไปก้าวนึง เซียงกุ้ยผินไม่มีทั้งบุตรชายและบุตรสาว อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดสนับสนุนอีก เป็นเพียงแค่แหนที่อยู่ในวังแห่งนี้ ไม่มีราก ไม่มีโคน สามารถหยิบออกไปได้อย่างง่ายดาย หากหาพันธมิตรแล้วนั้น เปิ่งกงคิดว่า ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดดีไปกว่าเปิ่งกงอีกแล้ว ตอนนี้เปิ่งกงไม่มีลูก จึงไม่สามารถไปแย่งตำแหน่งของรุ่ยอ๋องได้ อีกทั้งเปิ่นกงยังเป็นเจ้านายของวังหลังอีก ทั้งเสด็จพ่อและพี่ชายล้วนแต่รับใช้ให้ราชสำนัก ศัตรูของพวกเจ้าล้วนเป็นศัตรูของเปิ่นกงด้วย หากเจ้าร่วมมือกับเปิ่นกง " ฮองเฮาพลันหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมมองไปยังบนยอดของต้นเหมย
"นั้นเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด ในปลายนิ้วของเจ้า " เมื่อพูดจบพลันหันมามองหยุนชาง "คำขอของเปิ่งกงมิมีอันใดมาก เพียงแค่คาดหวังว่าวังหลังจะสงบสุขมากกว่านี้ เมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่คลองบัลลังค์เมื่อใดนั้น ตำแหน่งไทเฮา จะเป็นของเปิ่นกง"
หยุนชางก้มหัวลงเล็กน้อย สายตาพลันจ้องมองไปยังพื้นดินที่เต็มไปด้วยดอกไม้ พลางฟังสิ่งที่ฮองเฮาพูดนั้น พร้อมแอบลอบกระตุกยิ้มที่มุมปากโดยไม่ให้นางเห็น "เรื่องนี้หม่อมฉันไม่สามารถตัดสินใจได้ เกรงว่ายังต้องพูดคุยกับท่านอ๋องเสียก่อนถึงจะให้คำตอบแก่เหนียงเหนียงได้เพคะ"
"ถ้าเช่นนั้นเปิ่นกงจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า " เมื่อพูดจบพลางเดินไปข้างหน้า
หยุนชางเดิมชมสวนอุทยานเป็นเพื่อนฮองเฮาราวครึ่งค่อนวัน จึงกลับมารับสำรับที่ตำหนักเว่ยยาง จึงมีข้ารับใช้มาเชิญว่า "ฮองเฮาเหนียงเหนียง. เลี่ยวคงไต้ซือมาเข้าเฝ้าแล้วเพคะ. ตอนนี้กำลังอยู่ที่หอประชุม จักรพรรดิเชิญฮองเฮาให้ไปที่หอประชุมด้วย"
ฮองเฮาพยักหน้ารับ พลางหันหน้ามาหาหยุนชางว่า "เช่นนั้นไปกันเถอะ"
เมื่อมาถึงหอประชุมแล้ว หยุนชางพลันเห็นผู้คนที่อยู่ในตำหนักเว่ยยางในตอนเช้า ล้วนแต่อยู่ที่นี่จนหมดแล้ว เพิ่มมาเพียงเสนาบดีไม่กี่ท่านเท่านั้นและรวมถึงฮวากั๋วกงด้วย ภายในหอประชุมผู้ที่นั่งกับเซี่ยหวนอวี่ก็คือไต้ซือผู้นั้นกระมัง
เคราของไต้ซือล้วนเป็นสีขาว พลางหลับตานั่งอยู่เงียบ ๆ ราวกลับกำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น เบื้องหน้ามีทั้งกระดาษ หินหมึก พู่กัน และกระดาษสีขาวที่ว่างเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง