หลิ่วหยินเฟิงนั่งรออยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเห็นหยุนชางเดินมา เขาก็ยิ้มให้เป็นการทักทาย จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วแล้วเรียกชื่อนาง "อาหยุน"
หยุนชางขานรับแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามกับเขา หญิงสาวนางหนึ่งได้เดินเข้ามาถามหลิ่วหยินเฟิง "จะให้ยกอาหารมาเลยไหมเจ้าคะ?"
หลิ่วหยินเฟิงไม่ตอบ แต่กลับจ้องมองไปที่หยุนชาง เมื่อหยุนชางเห็นดังนั้นแล้วก็ยิ้ม แล้วจึงหันไปพยักหน้าให้กับหญิงสาวนางนั้น นางรับทราบแล้วจึงเดินออกไปด้านนอก
ไม่นานนัก ก็มีหญิงสาวในชุดสีชมพูยกอาหารเข้ามาด้านใน นางจัดแจงวางอาหารลงบนโต๊ะ กลิ่นกายของนางมีความหอมละมุน
"อาหยุนเพิ่งจะมาใช้ชีวิตที่เมืองจิ่นได้ไม่นาน แต่กลับรู้จักที่นี่ได้ ทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อยเลยนะ" หลิ่วหยินเฟิงพูดอย่างอารมณ์ดี เขาพูดคุยกับผู้หญิงที่เขาเรียกว่าอาหยุนอย่างสนุกสนาน
"หอหลงเฟิ่งโด่งดังขนาดนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไรกัน" หยุนชางพูดพลางหัวเราะ เมื่อเห็นว่าอาหารถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะครบทุกอย่างแล้ว จึงโบกมือส่งสัญญาณให้บรรดาหญิงสาวถอยออกไปข้างนอกได้
หลิ่วหยินเฟิงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วยิ้ม "สมัยก่อนตอนที่ยังอยู่แคว้นหนิง ข้าเคยได้ยินจักรพรรดิหนิงตรัสว่า งานอดิเรกของท่านมีอยู่สองอย่าง นั่นก็คือกินและนอน ที่ผ่านมาข้าก็ไม่เชื่อหรอก มาวันนี้ถึงได้เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนอยู่ที่แคว้นหนิง ข้ามักจะได้พบท่านที่หอยวี่หมั่นอยู่บ่อยๆ แม้บางวันไม่ได้พบท่าน ก็ต้องได้พบกับคนในจวนจิ้งอ๋องออกมาซื้อของกิน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนมกุ้ยฮวา บางครั้งก็มีของกินอย่างอื่นบ้าง พวกเขามักจะซื้อกลับไปอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้ท่านมาอยู่ที่แคว้นเซี่ยแล้ว นานๆทีจึงจะได้ออกมาข้างนอก แต่กลับเข้าใจชวนข้าออกมาทานอาหารที่นี่ได้"
หยุนชางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจักรพรรดิหนิงเคยพูดเช่นนี้กับเขาด้วย และไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นคนช่างสังเกตถึงเพียงนี้ นางรู้สึกเขินเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับว่า "เสด็จพ่อชอบเอาข้าไปล้อให้ใครต่อใครฟังอยู่เรื่อย" พูดจบ นางก็ถอดหมวกออกแล้ววางไว้ข้างๆ "แม้ข้าจะรู้ว่าที่หอหลงเฟิ่งมีอาหารน่าทานหลายอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอร่อยบ้าง ถ้าอย่างไร ขอให้คุณชายหลิ่วช่วยแนะนำให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?"
หลิ่วหยินเฟิงยิ้ม เขาเลือกคีบลูกชิ้นก้อนกลมขึ้นมาจากบรรดาอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า "ข้าชอบกินจานนี้ที่สุด นี่คือลูกชิ้นแก้ว ทำมาจากเนื้อปลา หมู และกุ้ง ดูใสเหมือนแก้ว ลูกเล็กพอดีคำ เมื่อทานเข้าไปจะได้กลิ่นเนื้อปลา หลังจากนั้นจะได้ความหอมของเนื้อหมู และความนุ่มเด้งของเนื้อกุ้ง ถูกปากข้ายิ่งนัก"
หยุนชางลองชิมดูบ้าง รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ สิ่งที่หลิ่วหยินเฟิงได้บรรยายไปไม่ใช่การคุยโวแม้แต่น้อย
หลิ่วหยินเฟิงแนะนำอาหารแต่ละจานให้หยุนชางไปเรื่อยๆ หยุนชางก็ชิมตามไม่หยุดปาก จนนางหัวเราะออกมา "ขืนท่านยังแนะนำอาหารให้ข้าฟังต่อไปเช่นนี้ เห็นทีว่า ข้าคงจะกินอะไรเพิ่มไม่ได้เสียแล้ว"
หลิ่วหยินเฟิงจึงหันมารับประทานอาหาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง