หลิ่วหยินเฟิงมองไปที่หยุนชางแล้วค่อยๆพยักหน้า "ใช่ ถ้าเป็นเพียงเพราะไม่มีเวลาจึงไม่ได้ส่งข่าวมายังเมืองจิ่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก รุ่ยอ๋องและฮวากั๋วกงนำเหล่าทหารไปยังชุมชนชาวหย่าแล้วก็จริง แต่ว่า พวกเราได้ส่งคนไปดูทีท่าที่ชุมชนชาวหย่าแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเหล่าทหารได้ไปถึงที่นั่นแล้ว แล้วก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลยว่า ขณะนี้นั้นเหล่าทหารได้เดินทางไปถึงไหนแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อพวกเขาได้เลย พวกชาวหย่าเองก็ไม่ได้มีการเตรียมการป้องกันผู้บุกรุกแต่อย่างใด ราวกับว่า กองทหารจำนวนกว่าแสนนาย เมื่อไปถึงชุมชนชาวหย่าแล้วก็หายตัวไปดื้อๆเสียอย่างนั้น"
หยุนชางไม่รู้ว่าสามารถเชื่อคำพูดของหลิ่วหยินเฟิงได้มากน้อยแค่ไหน แต่หยุนชางก็รู้ดีว่า หลิ่วหยินเฟิงนั้นไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องมาสร้างเรื่องโกหกนาง เห็นทีว่า นางคงต้องเข้าวังไปทูลถามเซี่ยหวนอวี่ด้วยตัวเองเสียแล้ว ในชุมชนชาวหย่ามีหน่วยข่าวกรองของเขา ในกองทัพก็มีหน่วยข่าวกรองของเขาแฝงตัวอยู่เช่นกัน หากไม่มีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา ก็ไม่มีทางที่จะติดต่อพวกเขาไม่ได้
หยุนชางลุกขึ้นยืน นางขมวดคิ้วแล้วพูดกับหลิ่วหยินเฟิง "ขอบใจคุณชายหลิ่วมากที่บอกเรื่องนี้ให้ข้ารู้ ข้ายังมีธุระที่ต้องสะสาง ต้องขอตัวก่อน" พูดจบก็เดินออกไปจากห้องในทันที
"เดี๋ยวสิ ช้าก่อน" หลิ่วหยินเฟิงก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน เขาเรียกหยุนชางให้หยุดรอสักครู่
เมื่อหยุนชางเดินกลับมาด้วยท่าทีที่ไม่สบายใจ หลิ่วหยินเฟิงก็ได้ถือหมวกเดินมาหาหยุนชางแล้วช่วยนางสวม "ระวังตัวด้วยนะ ในเมืองจิ่นนี้ ท่านอย่าได้ไว้ใจคนทั่วไปเด็ดขาด หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท สงครามช่วงชิงตำแหน่งก็ทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สตรีธรรมดาทั่วๆไปก็อาจจะเป็นกลลวงที่ใครส่งมาก็เป็นได้"
หยุนชางยืนคิดตามอยู่สักครู่ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆหลิ่วหยินเฟิงจึงมาพูดกับนางเช่นนี้ แต่นางก็ตอบกลับเขาไปแค่เพียง "ขอบใจท่านมาก" หลังจากนั้นนางก็มองดูสาวใช้เปิดม่านประตูออก ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปจากที่แห่งนั้น
หลิ่วหยินเฟิงยืนยิ้มเศร้าๆ เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง "หาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้วไหมล่ะ" เขาพูดกับตัวเองแล้วเขกศีรษะตัวเองเบาๆ "ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้นางจะชอบกินกุ้งฝอยทองเป็นพิเศษนะ ให้คนส่งไปให้นางกินทุกวันเลยดีกว่า"
ในขณะที่กำลังพูดเองเออเองอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวเดินเข้ามา นางมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าปลอดคนดีแล้ว จึงเปิดม่านประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง นางรายงานต่อหลิ่วหยินเฟิง "แย่แล้วเจ้าค่ะ คุณชาย เมื่อครู่นี้ท่านอ๋องเจ็ดได้เสด็จไปที่จวนหลิ่ว เขาถูกนายท่านและท่านฮูหยินใช้ไม้ตีเพื่อไล่เขาออกมาข้างนอก ท่านฮูหยินยังประกาศกร้าวอีกว่าจะไม่ให้ท่านอ๋องเจ็ดได้เหยียบเข้าไปในจวนแม้แต่ก้าวเดียวเจ้าค่ะ"
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ฟังก็เลิกคิ้วขึ้นมาในทันที สีหน้าของเขาเหมือนกำลังยิ้มเยาะ "เขาคิดว่าตัวเองฉลาดนัก แต่กลับวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ออกเลยงั้นหรือ? เขายังคงคิดว่าจวนหลิ่วในตอนนี้ จะยังคงเป็นเหมือนจวนหลิ่วเมื่อ 15 ปีก่อนหรืออย่างไร? แต่ถ้าอ๋องเจ็ดถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในจวนหลิ่วจริงๆล่ะก็ เกรงว่าจวนหลิ่วคงจะเหลือแค่เพียงชื่อภายในระยะเวลา 1 ปี" พูดจบ หลิ่วหยินเฟิงก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดว่า "ถ้าหากอินอินยังอยู่ ก็คงจะดีสินะ"
"ถ้าเช่นนั้นคุณชาย......" หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายของตนจึงได้พูดเช่นนั้น นางงุนงงอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า "พวกเรากลับจวนกันเลยไหมเจ้าคะ?"
"จะกลับไปทำไมล่ะ?" หลิ่วหยินเฟิงตรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่สวมใส่พลางขมวดคิ้ว "ฮวานเชิงตายไปแล้ว สองคนนั้นวันๆก็เลยทำตัวเหมือนกับพลุ พอถูกจุดไฟเข้าหน่อยก็ทะยานแรงดันขึ้นสูงเสียดฟ้า จะให้ข้ากลับไปเจอบรรยากาศแบบนั้นทำไมกัน" พูดจบเขาก็เดินไปที่ประตู แหวกม่านประตูออก แล้วจึงเดินออกไป
หลังจากที่หยุนชางเดินออกมาจากหอหลงเฟิ่ง นางก็สั่งให้สารถีรถม้ามุ่งหน้าไปยังประตูวัง นางรู้สึกฟุ้งซ่าน อยากจะรีบไปถามเซี่ยหวนอวี่ว่าเรื่องที่ตนได้ยินมาเป็นความจริงหรือไม่ เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นแล้วเหตุใดเขาจึงไม่ยอมบอกให้นางได้รับรู้บ้างเลย?
"พระชายา ถึงประตูวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ" สารถีกล่าวรายงาน หยุนชางขานรับ แต่ก็ยังคงนั่งเงียบอยู่บนรถม้า ไม่นานนัก นางก็ได้เอ่ยปากสั่งการขึ้นมาอีกครั้ง "กลับจวนเถอะ"
สารถีรู้สึกงุนงง เขานิ่งไปสักพักหนึ่ง จากนั้นจึงถอยรถม้าเดินทางกลับไปยังจวนรุ่ยอ๋อง
เมื่อมาถึงจวน สาวใช้ก็ได้เข้ามารายงานหยุนชาง "พระชายา มีแขกมาพบเพคะ พี่เฉี่ยนอินได้นำเขาไปที่เรือนรับรองแล้วเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง