หยุนชางได้ยินถึงสิ่งที่หลานซินพูดในวันนี้แล้ว เกรงว่าคงจะได้อยู่รอที่ตำบลฉีหลานอยู่สักสองสามวัน ภายในใจก็มีจุดมุ่งหมายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินหลิ่วหยินเฟิงพูดดังนั้น จึงมิได้ตกใจแต่อย่างใด พลางพยักหน้ารับคำเล็กน้อย
หลิ่วหยินเฟิงเหลือบมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของหยุนชางอยู่นาน จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า " ยังมีข่าวดีมาบอกเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ข้าให้สายข่าวของข้าในเผ่าหย่าสืบให้แล้ว เกรงว่าทั้งรุ่ยอ๋องและฮวากั๋วกง ยังมิได้บุกเข้าไปในเผ่าหย่ากระมัง อีกทั้งยังมิรู้ว่าพวกเขามีจุดประสงค์อันใด อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาล้วนแต่ปลอดภัยทั้งคู่"
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ ภายในใจคิดว่า หากปลอดภัยเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี ภายในหัวกลับคิดทบทวนถึงแผนที่ในแคว้นเซี่ยอย่างรอบคอบ ถึงแม้ว่าลั่วชิงเหยียนและฮวากั๋วกงจะนำทัพที่น้อยกว่าแสนนายมาปราบความวุ่นวาย หากแต่การจะซ่อนกำลังพลทหารที่มิถึงแสนนายได้ก็มิใช่เรื่องง่ายเลย เกรงว่าการจะซ่อนได้คงมิพ้นซ่อนอยู่ในป่าทึบ หุบเขา เนินเขา และทะเลทราย ทว่า น่าเสียได้มากที่นางจดจำได้แต่เพียงโครงร่างเท่านั้น หากจะเจาะลึกไปถึงรายละเอียดนั้น นางจะต้องดูสัญลักษณ์บนแผนที่อีก
"หากต้องการที่จะซ่อนกองทัพ. แคว้นเซี่ยมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบดูแล้ว. เป็นอย่างที่พวกเราคาดการณ์ไว้จริง ๆ เกรงว่าอ๋องเจ็ดและใต้เท้าซูก็คงจะจะคิดได้เช่นกัน ข้าคิดว่า อีกไม่นานทั้งรุ่ยอ๋องและฮวากั๋วกงคงจะปรากฏตัวออกมาเร็ว ๆ นี้" หลิ่วหยินเฟิงพูดออกมาราวกับเข้าใจในสิ่งที่หยุนชางคิดอยู่
"มิเป็นไรเพคะ. ไม่ต้องส่งคนไปสืบหาหรอก เพียงแค่ปลอดภัยก็ดีมากแล้ว เป็นเช่นที่ท่านพูด เกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาคงจะปรากฏตัวออกมาแล้ว หม่อมฉันมิรีบร้อน " หยุนชางตอบเขาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย พร้อมเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่มีเพียงพระจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่
หลิ่วหยินเฟิงได้ยินหยุนชางพูดดังนั้น. ก็มิได้บังคับอะไร พลางพยักหน้าเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง
หยุนชางได้พักอยู่ที่ตำบลฉีหลางเพียงไม่กี่วัน ผู้คนที่เข้ามาสืบหานางก็ค่อย ๆ ออกไป เมื่อพวกเขาออกไปแล้ว หยุนชางต้องรอถึงสองวันจึงจากไปพร้อมกับคนที่เมืองหลีมารับ หลิ่วหยินเฟิงที่มาส่งหยุนชางถึงเมืองหลีนั้น เมื่อส่งนางถึงมือท่านเจ้าเมืองหลีแล้ว เขาจึงออกไปจากเมืองหลีท เพื่อกลับไปยังตระกูลหลิ่ว เขามาพักผ่อนนานเกินไปแล้ว เกรงว่าหากนานไปกว่านี้ หลิ่วจิ้นจะสงสัยเอาได้
ท่านเจ้าเมืองหลีเป็นชายอายุประมาณสามสิบกว่า ๆ ชื่อเฉียนหยุน. ได้ยินมาจาหลิ่วหยินเฟิงว่า เป็นคนที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก สามารถสอบรับราชการได้เป็นปั๋งเหยี่ยนตั้งแต่อายุสิบแปด. หลังจากนั้นจึงได้มาประจำการเป็นท่านเจ้าเมืองหลี หยุนชางที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลเฉียนนั้น จากการตกแต่งของจวนตระกูลเฉียน. ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย เฉียนหยุนมีฮูหยินเพียงหนึ่งคน พร้อมทั้งบุตรชายหนึ่งบุตรีหนึ่ง การใช้ชีวิตของพวกเขาล้วนแต่เรียบง่ายเป็นอย่างมาก
หยุนชางที่แปลงกายเป็นชายหนุ่มนั้น ก็ยังใช้นามแฝงว่าเซียวหยุนเช่นเดิม เป็นเพียงพ่อค้าทีเดินทางค้าขายธรรมดาที่ถูกโจรปล้นแต่เพียงเท่านั้น สายใช้ก็ได้รับบาดเจ็บ จึงได้มาพบกับหลิ่วหยินเฟิง เนื่องจากมีการค้าขายในเมื่องจิ่นค่อนข้างกว้างขวาง จึงสนิทสนมกับหลิ่วหยินเฟิงเป็นอย่างดี หลิ่วหยินเฟิงจึงส่งพวกเขาและนางมารักษาตัวที่นี่
เฉียนหยุนเห็นลักษณะของหยุนชาง ที่มีความกล้าหาญและหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่ดูดีและหาได้ยากบนโลกนี้ ดูได้จากการพูดคุยก็รู้ว่าได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดี สามารถพูดคุยคบเป็นสหายกันได้. เมื่อหันไปเห็นใบหน้าของเฉียนยินนั้น ถือว่าเป็นสาวใช้ที่ดูรูปร่างอ่อนหวาน เกรงว่านางคงไม่ได้ลำบากมากนัก เขาจึงคิดว่าเฉียนยินเป็นสาวใช้ห้องข้างเพียงเท่านั้น ทว่าก็ให้ความเคารพฮูหยินของตนเป็นอย่างมาก
หยุนชางก็ได้เดินสำรวจรอบ ๆ เมืองหลีแล้ว เมืองหลีตอนนี้ราษฏรล้วนแต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุขมาก พวกเขาล้วนแต่ให้ความเคารพและยกย่องเฉียนหยุนเป็นอย่างมาก นางแอบจดจำไว้ในใจ
หยุนชางอยู่ที่เมืองหลีมาได้ห้าหกวันแล้ว พลันได้รับข่าวจากนกพิราบสื่อสารมาถึงเมืองหลีว่า ภายในเมืองจิ่นมีข่าวลือที่ไม่ทราบสาเหตุมาว่า หยุนชางถูกลอบสังหารเมื่อเดินทางไปวิหารหานอวิ๋น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง