หลังจากพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหย่าถูกเผาไปแล้วละก็ ผู้คนที่อยู่รอบข้างล้วนแต่เข้าไปสำรวจดู กลับพบว่า พื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหย่านั้น มีหลุมขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง. ด้านในล้วนแต่เต็มไปด้วยซากศพและกองกระดูก ทั้งหมดล้วนแต่เป็นศพของเด็กทารก มีทั้งศพที่เพิ่งโยนลงไปได้ไม่นาน ทว่าสิ่งที่น่าตกใจนั้น คือร่างของเด็กทารกทั้งหมดส่วนใหญ่ถูกตัดขาด บางร่างไม่มีจมูกและบางร่างไม่มีหู บางร่างมีเพียงสามมือ รวมทั้งมีร่างของสัตว์ประหลาดที่มีสองหัวและหนึ่งร่างอีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้คนในแคว้นเซี่ยล้วนแต่ตกใจเป็นอย่างมาก
หยุนชางได้ยินดังนั้น จึงรู้ได้ว่า คงจะเป็นฝีมือของลั่วชิงเหยียนและฮวากั๋วกงที่เป็นผู้ลงมือกระมัง
เมื่อนึกถึงข่าวการตายของนางที่เมืองจิ่น หยุนชางจึงได้ส่งองครักษ์เงาเข้าไปใกล้เผ่าหย่าอีกครั้ง เพื่อค้นหาลั่วชิงเหยียน พร้อมส่งจดหมายที่เป็นลายมือของนางไป เพื่อบอกถึงความปลอดภัยของนางในตอนนี้ ทว่านางมิได้บอกว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด เกรงกลัวว่าจดหมายของตนจะถูกคนจับได้อีก
เหตุการณ์ใหญ่ ๆ ได้เกิดขึ้นที่เมืองจิ่นอยู่บ่อยครั้ง ภายในพระราชวังที่มิค่อยสงบนัก จดหมายของหนิงเฉียนที่อยู่ในมือของหยุนชางนั้นราวกลับเกล็ดหิมะที่โปยปลิว
ทันทีที่เหตุการณ์ของเผ่าหย่าหลุดถึงหูผู้คนในวัง เมื่อพระราชวังได้รับจดหมายนั้น เสิ่นซู่เฟยที่ได้ข่าวถึงกับเป็นลมล้มพับไปในทันที เมื่อจดหมายถูกส่งมาหานางนั้นเสิ่นซู่เฟยก็ยังมิฟื้นขึ้นมาเลย
ภายในเผ่ามีตำนานเรื่องเล่ามากมายว่า ผู้คนเผ่าหย่าทำให้เทพเจ้าทรงพิโรธ. จึงถูกเทพเจ้าลงโทษให้เด็กทารกที่เกิดที่เผ่าหย่าช่วงยี่สิบปีมานี้ มีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเผ่าหย่าเกรงว่าผู้คนภายนอกจะรู้เรื่องราวเข้า แล้วจักทำให้เกิดความวุ่นวาย พวกเขาจึงเก็บซ่อนเรื่องราวนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ รวมถึงจัดตั้งพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหย่าเพื่อทิ้งร่างของเหล่าทารกพวกนั้นไว้ เมื่อกังวลถึงผู้บุกรุกที่จะแอบบุกเข้ามา จึงได้ปลูกสมุนไพรมีพิษไว้ล้อมรอบพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหย่าอีกด้วย
ตำนานพวกนี้เมื่อมาถึงหูผู้คนในราชวังแล้ว ฮองเฮาจึงที่รู้ถึงการใช้ไฟในการโหมกระพือข่าวพวกนี้เป็นอย่างดี และกังวลถึงความปลอดภัยขององค์รัชทายาท จึงสั่งให้องค์ชายสิบเอ็ดและองค์หญิงสิบสองเข้าไปในตำหนักเว่ยยาง แล้วจึงนำหมอหลวงมาตรวจสอบร่างกาย กลับพบว่า องค์หญิงสิบสองมีนิ้วเท้ามากกว่าคนปกติถึงหนึ่งนิ้ว
เสิ่นซู่เฟยลงทุนใช้ทั้งแรงและเวลาในการปิดข่าวเรื่องนี้เป็นเวลานาน ทว่าเมื่อฮองเฮาล่วงรู้เข้าก็ได้รายงานต่อเซี่ยหวนอวี่ พร้อมบอกว่าเสิ่นซู่เฟยเปป็นคนของเผ่าหย่า เกรงว่านางจะต้องโดนเทพเจ้าลงโทษด้วยเป็นแน่ จนถึงตอนนี้องค์หญิงสิบสองก็มีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ควรถูกประหารชีวิต รวมทั้ง องค์ชายสิบเอ็ด แม้ว่าจะไม่ได้มีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากแต่สายเลือดในตัวพวกเขาไม่เป็นมงคล สมควรถูกเนรเทศ
เซี่ยหวนอวี่มิได้เห็นด้วย องค์หญิงสิบสองตอนนี้อายุถึงสิบเจ็ดปีแล้ว ถึงวัยที่ต้องแต่งออกไปแล้ว เซี่ยหวนอวี่จึงมีคำสั่งให้นางตบแต่งกับทหารรักษาชายแดน พร้อมส่งนางขึ้นเกี้ยวออกจากวังไป. องค์ชายสิบเอ็ดเป็นถึงอ๋องฉี จึงมีพระราชโองการให้อ๋องฉีไปประจำการอยู่ฉีโจวที่ตั้งอยู่เหนือสุดของแคว้นเซี่ย เป็นพื้นที่ที่มีความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก เพียงแค่การโยกย้ายนี้ ก็เสมือนกับการโดนเนรเทศแล้ว
เสิ่นซู่เฟยเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วนั้น เมื่อได้ยินข่าว ก็พลันร้องให้จนเป็นลมสลบไปอีกรอบ
หากมิใช่ว่าตอนนี้มีข่าวคราวว่าหยุนชางตายอยู่ละก็ นางก็อยากจะกลับไปดูความวุ่นวายในพระราชสำนัก ว่าจะสนุกสักแค่ไหนกันเชียว
"นายท่านเราสามารถกลับไปได้แล้วกระมัง. แม้ว่าการแปลงกายของเถ้าแก่เฉียนเฉียนจะเก่งกาจเป็นอย่างมาก ทว่าองครักษ์เงาที่มีความสามารถก็มีอยู่ไม่น้อย ความสามารถนั้นยังพอที่จะตบตาคนธรรมดาได้อยู่บ้าง " เฉียนยินยิ้มขึ้นมา ภายในดวงตามีแต่ความระยิบระยับ "สนมเสิ่นซู่เฟยก็มิใช่คนดีอะไร อยากจะเห็นนางจริง ๆเลยเพคะ ว่าจะน่าสมเพชแค่ไหนกัน อีกทั้งยังลอบสังหารพวกเราอีก ผู้ที่นู๋ปี๋สงสัยที่สุดก็คือเสิ่นซู่เฟย. ซูฉีผู้นั้นแม้ว่าจะเป็นเพราะตระกูลกั๋วกง ถึงได้มาเป็นปรปักกับเรา. ทว่าก็เป็นเรื่องก่อนที่พวกเราจะเดินทางมาเท่านั้น หากเขาสามารถลงมือในระยะสั้น ๆ นี้ได้ เกรงว่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว"
หยุนชางพลางหัวเราะเบาๆ ตอบกลับ "อื้ม ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน " ภายในใจกลับรู้สึกว่า ตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บมา ลักษณะของเฉียนยินดูเงียบขรึมขึ้นมาหลายส่วน ทว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้กลับทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง