หยุนชางยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองไปที่หลี่เชียน "โบราณกล่าวว่ากินข้าวตามใจปากได้ แต่วาจานั้นหากจะกล่าวต้องไตร่ตรองให้ดี สิ่งที่ใต้เท้าหลี่กล่าวมานั้นมีหลักฐานหรือไม่? อีกทั้งเรื่องนี้ฝ่าบาทของทางแคว้นได้มอบหมายให้คุณชายหลิ่วรับผิดชอบ แม้ว่าคนที่รับผิดชอบจะมิใช่คุณชายหลิ่ว แต่ใต้เท้าหลี่เป็นเพียงแต่ผู้บัญชาการกองบัญชาการองครักษ์ เจ้ามีสิทธิ์กระไรมาสืบสวนคดีนี้หรือ?"
หลี่เฉียนยิ้มอย่างเย็นชา "ข้าไม่มีสิทธิ์ แต่แน่นอกมีคนมีสิทธิ์นี้ อีกทั้งข้ามีหลักฐานอยู่ในมือ หน้าที่ของข้าเป็นตำแหน่งสำคัญปกป้องแคว้นเซี่ย เช่นนี้ข้าจำเป็นต้องทำงานให้กับประชาชน และจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำชั่วในแคว้นเซี่ยอย่างแน่นอน"
"โอ้?" หยุนชางเลิกคิ้วราวกับกำลังดูเรื่องตลก "หลักฐานของท่านคืออะไรหรือ?"
หลี่เฉี่ยนยกมือขึ้นและพูดว่า "นำของนั้นขึ้นมา"
หยุนชางหันไปมองข้างหลัง และเห็นองครักษ์เดินขึ้นมาพร้อมกับกระดาษ หลี่เชียนยิ้มอย่างเย็นชา "พวกเราพบตรวจสอบชัดเจนแล้ว หวังจิ้นฮวนถูกวางยาพิษด้วยยาสัตตนิทรา จึงได้เสียสติไป และเราก็ตรวจสอบชัดเจนแล้วว่า หลายวันมานี้มีเพียงแค่เจ้าและหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่เคยไปซื้อสมุนไพรที่นำมาปรุงเป็นยาสัตตนิทรา"
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ "ฉะนั้น?"
"ฉะนั้นเจ้าเป็นคนวางยาสัตตนิทรา" หลี่เชียนกล่าวอย่างดุร้าย
"หือ? ท่านบอกว่านอกจากข้าแล้วมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ซื้อหรือ? และท่านก็ควรทราบด้วยว่า ข้าซื้อของเหล่านี้หลังจากที่เกิดเหตุนั้นขึ้น" หยุนชางหรี่ตาเล็กน้อยและมองไปที่หลี่เชียนพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา
หลี่เชียนเลิกคิ้วขึ้น "ข้าทราบดี แต่ว่าข้าทราบอีกว่าคนที่ไปซื้อยาสมุนไพรนำมาปรุงยาสัตตนิทรานั้นเป็นคนของเจ้า วันนี้มีคนเห็นเจ้าเดินเข้าไปในตรอกพร้อมนางที่ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว และเราจับตัวนางได้แล้ว อีกทั้งนางยอมรับว่าเป็นคนของเจ้า"
"คนของข้าหรือ?" หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้ "แต่ข้ากลับไม่ทราบว่านางเป็นคนของข้า"
"นั่นมันคือเรื่องของพวกเจ้า ลูกน้องของเจ้ารับสารภาพแล้ว และกล่าวว่าอาวุธสังหารนั้นอยู่ในเรือนรับรอง ข้าได้ส่งคนไปค้นแล้ว เจ้ามิต้องรีบร้อนอีกไม่นานเจ้าก็จะได้เห็นมัน" หลี่เชียนยิ้มเยาะเย้ย "ทหาร นำตัวนางเข้าคุกก่อน"
หยุนชางยิ้ม "ข้าเดินเองก็ย่อมได้ มิต้องรบกวนพวกเจ้าหรอก" หลังจากพูดจบ หยุนชางก็ตามองครักษ์ที่เดินอยู่ข้างหน้าไป มุ่งตรงไปที่เรือนจำ
เรือนจำไม่ใช่เรือนจำจริง แต่เป็นเพียงสถานที่ที่กองบัญชาการเอาไว้ลงโทษองครักษ์ที่ทำผิด ห้องนั้นแคบและชื้นมาก ทั้งหมดมีเพียงสี่ห้าห้อง ประตูของหนึ่งในนั้นถูกเปิดออก องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังนางก็ผลักหยุนชาง หยุนชางล้มเข้าไปด้านใน จากนั้นเสียงปิดประตูก็ดังขึ้น
หยุนชางมองไปที่ประตูห้องขัง ยิ้มอย่างเย็นชา และหันไปมองดูรอบๆ ห้องขัง นอกจากที่มุมหนึ่งที่มีกองฟางแล้ว มุมอื่นๆ นั้นก่อขึ้นด้วยหินชื้น หยุนชางเดินไปจับที่กองฟาง กองฟางนั้นก็เปียกชื้นเล็กน้อย นางถอนหายใจ สุดท้ายหยุนชางมิได้นั่งลงไป
นางคิดในใจ นางกลัวว่าจะมีคนทราบตัวตนที่แท้จริงของนางแล้ว แต่อีกฝ่ายคงไม่ทราบว่าลั่วชิงเหยียนติดตามหลิ่วหยินเฟิง มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่ใช้ข้ออ้างแบบนั้นจับตัวนางเข้ามาที่กองบัญชาการองครักษ์
เพียงแต่ว่าในเมื่อจับตัวนางเข้ากองบัญชาการองครักษ์แล้ว เหตุใดจึงต้องแสดงละครเช่นนั้นด้วย? หยุนชางกำลังสับสนอยู่ในใจ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังก้องข้างหลัง หยุนชางผงะ นางรับหันกลับไปมองและพบว่ากำแพงหินข้างหลังนั้นเคลื่อนที่ไปข้างบนอย่างกะทันหัน และเผยอุโมงค์ลับออกมา
หยุนชางยังไม่ทันคิดได้ นางก็เห็นเงาร่างสองสามคนวิ่งออกมาจากอุโมงค์ลับ แล้วจับตัวหยุนชางและดึงเข้าไปด้านใน หยุนชางมิได้ตั้งตัว เมื่อนางนึกอยากจะขัดขืน แต่นางกลับถูกดึงเข้าอุโมงค์ลับไปแล้ว จากนั้นประตูหินก็เคลื่อนที่กลับมา
มีคบไฟจุดขึ้นในอุโมงค์ลับ หยุนชางเห็นว่าคนเหล่านั้นล้วนสวมชุดสีดำ และปิดหน้าเอาไว้ เห็นเพียงแต่ลูกตา
หยุนชางจึงได้กระจ่างทันทีว่า เหตุใดนางจึงถูกพาตัวมาที่กองบัญชาการองครักษ์ ก็เพราะที่นี่มีอุโมงค์ลับยังไงล่ะ เหตุใดชายที่มีชื่อว่าหลี่เชียนจึงแสร้งทำเป็นถามนางอยู่นาน ที่แท้ก็เพราะว่าพวกเขาทราบดีว่าต้องมีสายลับตามนางมา และละครนั้นก็เล่นให้สายลับดู เพื่อให้สายลับคิดว่าพวกเขาไม่ทราบตัวตนของหยุนชาง ให้สายลับคิดว่านางถูกจับเข้าไปในคุก และเมื่อสายลับนึกขึ้นมาได้ เมื่อนั้นก็คงหานางไม่เจอแล้วล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง