ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 555

ทั้งสองมีสถานะตำแหน่งที่สูงและเป็นถึงฮูหยิน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย หลิ่วฮูหยินดุและกล่าวว่า "ถ้าใครกล้าที่จะช่วยให้หญิงเลวทรามคนนี้ ข้าจะฉีกปากของคนๆนั้น ปากบอกเชื่อพระพุทธอะไรนักหนา แต่ก็เป็นหญิงที่ขโมยชายคนอื่นไปทุกที่ ถ้าข้าเป็นพระพุทธเจ้า ข้าคงส่งนางไปนรกแน่"

หลิ่วฮูหยินเดิมเป็นเพียงหญิงในตลาด กฎและมารยาททั้งหมดเรียนรู้หลังจากที่นางออกเรือน หลังจากเจอสถานการณ์เยี่ยงนี้ มารยาททั้งหมดก็ถูกทิ้งไปหมดแล้ว

องค์หญิงใหญ่เติบโตขึ้นมาจากในวังตั้งแต่วัยเยาว์ ต่อให้เข้าสุขาก็คงมีมามาคอยบอกนางว่าต้องทำอย่างไร ย่อมแพ้ต่อวิธีการกระชากดึงลากของหลิ่วฮูหยิน แต่ท้ายที่สุดแล้ว นางอายุน้อยกว่าหลิ่วฮูหยิน ร่างกายของนางได้เปรียบกว่า และนางก็ค่อยๆแสดงความได้เปรียบออกมา "ใส่ร้ายชื่อเสียงขององค์หญิงอย่างข้า พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบลากตัวหญิงบ้าคนนี้ออกไป"

คนของจวนองค์หญิงใหญ่เหมือนจะได้สติ รีบก้าวไปข้างหน้าดึงทั้งสองออกไป ทุกคนรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามถึงสถานการณ์ องค์หญิงใหญ่จัดเสื้อผ้าของนาง ยืนขึ้นและตะโกน "มานี่สิ จับตัวหญิงบ้าคนนี้ซะ"

หลิ่วฮูหยินสูดหายใจอย่างเย็นชา แล้วลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ดึงไม้ค้ำยันด้วยสายตาคมกริบในดวงตาของนาง "ถ้าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ เว้นแต่ข้าไม่รู้ องค์หญิงใหญ่มีเกียรติสูงส่ง อยากได้ชายคนไหนมีหรือจะไม่ได้ พ่อบ้านในจวนเป็นพระที่อายุน้อยและรูปงาม เกรงว่าคงเป็นแขกในม่านขององค์หญิงใหญ่แล้ว ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงต้องยังเอานายท่านของข้า นายท่านของข้าอายุเจ็ดสิบแล้ว นอกจากอำนาจอันน้อยนิดนั่น มีอะไรที่คู่ควรกับความคิดขององค์หญิงใหญ่"

หยุนชางเห็นสีหน้าขององค์หญิงใหญ่ซีดลงทันที และในตาเป็นสีแดงก่ำ

"เกรงว่าหลิ่วฮูหยินจะถูกมารครอบงำ และไม่รู้ว่าไปได้ยินคำกล่าวร้ายอะไรที่ไหนมา ถึงกับมาอาละวาดที่จวนของข้านี้โดยไม่ทราบสาเหตุ ข้าถือศีลกินเจมาหลายปี เคารพนับถือพระพุทธมาโดยตลอด หลิ่วฮูหยินอย่าได้รังแกคนจนเกินเหตุ นอกจากนี้เจ้ากล่าวหาว่าพ่อบ้านในจวนของข้า เขาเป็นเด็กที่ข้านำกับมาเลี้นงตอนที่ไปไปอธิษฐานกับฮองเฮาด้วยกัน ข้าเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เลี้ยงดูให้เขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ หวังว่าหลิ่วฮูหยิน อย่าได้มาใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงเราสองคน วันนี้หลิ่วฮูหยินมาบ้าคลั่งที่จวนของข้า ข้าจะถือว่าเจ้าขาดสติ และไม่ถือสาเจ้า แต่จากนี้ไปหลิ่วฮูหยินจะไม่ได้รับการต้อนรับในจวนของข้าอีก" องค์หญิงใหญ่ได้สงบลง ให้สาวใช้ใส่เสื้อคลุมขนาดใหญ่ให้นางและกล่าวอย่างโหดเหี้ยม

หลิ่วฮูหยินทำเสียงเย็นชา "เจ้าคิดว่าภาพลักษณ์ที่เจ้าแสแสร้งทำมาหลายปีจะทำให้คนตาบอดได้หรือ? จวนองค์หญิงใหญ่ของเจ้าสกปรกแค่ไหนเจ้ารู้ดี ต่อให้เจ้าเชิญข้ามาอีก ข้าก็จะไม่มา ข้าจะไปพบฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ ไปทูลขอความเป็นธรรมให้หญิงชราอย่างข้า" หลิ่วฮูหยินพูด สะบัดแขนเสื้อ ละเลยความกระเซอะกระเซิงของนาง และออกจากประตูสวนดอกเบญจมาศอย่างใจเย็น

หยุนชางเห็นเลือดสองสามหยดหยดจากแขนเสื้อขององค์หญิงใหญ่และตกลงบนพื้น จากนั้นก็หายไปในชั่วพริบตา หยุนชางก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง เกรงว่าองค์หญิงใหญ่จะกำมือแน่นเกินไปในแขนเสื้อจนมือเป็นแผล

หลิ่วฮูหยินกล้ามาที่นี่อาละวาดในวันนี้ มันต้องเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องเจ็ดให้หลักฐานอะไรกับนาง ถ้าหลิ่วฮูหยินไปพบฝ่าบาทจริงๆ ฝ่าบาทคงจะสงสัยองค์หญิงใหญ่หยุนชางมองดูสีหน้าที่ไม่แยแสขององค์หญิงใหญ่ คิดในใจ เกรงว่าหลิ่วฮูหยินกำลังตกอยู่อันตราย

เมื่อเงยหน้าหยุนชางก็เห็นลั่วชิงเหยียนกำลังครุ่นคิดอยู่ข้างหลังนาง เมื่อเห็นหยุนชางมองมา ลั่วชิงเหยียนยิ้มและจับมือนาง หยุนชางเห็นดวงตาของเขามองที่ประตูของสวนดอกเบญจมาศ และเขาก็เงียบลง

"เรื่องวันนี้ทำให้แขกทุกท่านเสียบรรยากาศแล้ว ข้าหวังว่าสิ่งนี้จะไม่ส่งผลต่ออารมณ์ในการละเล่น ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ขอตัวชั่วคราว หัวหน้าแต่ละสวนจะนำแขกกลับไป การละเล่นจะดำเนินต่อไป" องค์หญิงใหญ่ยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าของนางสงบ ไม่เห็นความตื่นตระหนกใดๆ ราวกับว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดนั้นไม่มีนัยสำคัญจริงๆ

หลังจากดูความตื่นเต้นแล้ว หยุนชางก็หันกลับมาและเตรียมที่จะกลับไปที่สวนดอกท้อกับลั่วชิงเหยียน แต่เห็นท่านอ๋องเจ็ดและฮวาอวี้ถงยืนอยู่ด้านข้างของสวนดอกเบญจมาศ พวกเขาก็ก้มศีรษะลงและอ๋องเจ็ดคุยกับ ฮวาอวี้ถง ใบหน้าของฮวาอวี้ถงอับอายและรู้สึกกลัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

ลั่วชิงเหยียนเห็นหยุนชางหยุด และมองตามสายตาของหยุนชาง "เกิดอะไรขึ้น ชางเอ๋อร์รู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือ?"

หยุนชางเพ่งมองและพยักหน้าเบาๆ "นั่นคือหญิงที่ท่านตาเลือกส่งเข้าวัง แต่ถูกฝ่าบาทประทานให้อ๋องเจ็ดเป็นพระชายาเอก ฮวาอวี้ถง"

"โอ๋? " ฝ้าเท้าของลั่วชิงเหยียนหยุดชะงักเช่นกัน มองไปด้านข้างแล้วหันศีรษะกลับมา "ดูท่าทางนาง เหมือนจะสนิทกับเจ้าเจ็ดพอควร"

หยุนชางและฮวาอวี้ถงไม่คุ้นเคยกัน ได้พบกับนางตอนที่อยู่กับฮวากั๋วกงฮูหยินเพียงครั้งเดียว โดยรู้ว่านางถูกเลือกให้เป็นหญิงดีงามโดยฮวากั๋วกง เรื่องอื่นก็ไม่ชัดเจนนัก "ไม่รู้เหมือนกัน ว่างๆลองไปจวนกั๋วกงสอบถามดู"

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ "เจ้าเจ็ดก็นับได้ว่าเป็นชายที่อ่อนโยนและรูปงามเช่นกัน เกรงว่าวิธีการหลอกล่อหญิงสาวก็ไม่ธรรมดา ถ้านางหลงรักเจาเจ็กขึ้นมา มันก็จะมีปัญหา"

หยุนชางครุ่นคิดแล้วพยักหน้า "เกรงว่าต้องให้ใครบางคอยจับตาดู ก็จะรู้ว่าข่าวที่นางส่งกลับมาเป็นความจริงหรือเท็จ เพียงแต่ว่าจวนของท่านอ๋องเจ็ดมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และไม่ง่ายที่จะให้คนเข้าไปข้างในได้"

พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา พวกเขากลับไปที่สวนพร้อมกับผู้ดูแลของสวนดอกท้อ กลับไปนั่งที่เดิมในศาลาและนั่งลง ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็กลับมาแล้ว

ผู้รับผิดชอบกล่าวขอโทษก่อน แล้วจึงพูดว่า "เมื่อครู่เราทดสอบกัน และตอนนี้ เราจะเริ่มอย่างเป็นทางการ หลังจากเริ่มอย่างเป็นทางการ เราจะให้คะแนนกันใหม่ ครั้งนี้การพนันดื่มเหล้าของเราคือการแต่งกลอนกวี แต่ละกลุ่มต่อคำกลอนหนึ่งประโยค เราอยู่ในสวนดอกท้อ กลอนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับดิกท้อด้วย ไม่จำเป็นจะต้องมีตัวคำว่าดอกท้อ แต่ต้องเป็นกลอนสำหรับดอกท้อ ไม่เพียงแต่ต้องมีความเกี่ยวข้องกันเท่านั้น แต่อย่างน้อยต้องมีชื่อบุคคลในกลุ่มของท่านด้วยขอรับ"

หยุนชางเลิกคิ้ว หัวข้อนี่ยากขึ้นมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง