หยุนชางยิ้มและสบตากับซูหรูอิงผ่านกระจก " แม่หญิงซูสนิทกับฮองเฮา และฮองเฮาทรงเต็มใจกล่าวเรื่องความในใจกับแม่หญิงซูนั้นถือเป็นวาสนาของแม่หญิงซูอย่างมาก เพียงแต่สิ่งที่กล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ ข้าจะถือเสียว่ามิได้ยินแล้วกัน หากว่าเจ้ากล่าวต่อหน้าผู้อื่น ก็อาจทำให้ฮองเฮามีปัญหาได้ วังหลังของเราห้ามยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์ราชกิจนั้นถือเป็นโทษหนัก หากว่าฝ่าบาททรงทราบ และฝ่าบาทลงโทษขึ้นมา แม่หญิงซูรับโทษนั้นไว้มิได้หรอก"
ซูหรูอิงได้ยินเช่นนี้ก็ทราบทันทีว่าตนหลงกับดักของหยุนชางเข้าแล้ว นางกัดฟันและจึงกล่าวว่า " หม่อมฉันเพียงแค่หวังดีเพคะ ทุกวันนี้เขาลือกันว่าพระชายานั้นเป็นผู้หญิงที่ขี้หึง พระชายาใช้ชีวิตของตัวเองข่มขู่มิให้รุ่ยอ๋องมีสนม แคว้นเซี่ยมีคำกล่าวมาโดยตลอดว่าหากจะแต่งงานกับหญิงสาวใด ก็ควรเลือกนางผู้มีคุณธรรม แต่ตอนนี้มีข่าวลือเช่นนี้ออกมา เกรงว่ามันจะส่งผลไม่ดีต่อพระชายาและท่านรุ่ยอ๋องนะเพคะ"
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าของนางมิได้เปลี่ยนไป "จะว่าข้าขี้หึงก็เอาเถิด ปากเป็นของคนอื่น อยากจะกล่าวกระไรเช่นไรข้ามิสนใจหรอก ชีวิตของข้าข้าใช้มันเอง ข้ารู้สึกว่ามันเหมาะสมแล้ว เช่นนั้นก็เหมาะสม"
ซูหรูอิงไม่คาดคิดว่าหยุนชางจะตอบกลับเช่นนี้ นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "การมีพระชายารองนั้นมิใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับพระชายา หากว่าชายารองมีฐานะทางบ้านที่ดี เมื่อรุ่ยอ๋องอยู่ในพระราชวังก็มีคนคอยสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น และจะง่ายขึ้นอย่างมากที่จะได้ตำแหน่งสูงสุดนั่นมา อีกทั้งแม้ว่าจะมีพระชายารอง แต่ท่านก็ยังคงเป็นพระชายาของรุ่ยอ๋อง ยิ่งรุ่ยอ๋องไปได้ไกลเพียงใด ท่านก็สูงศักดิ์มากเท่านั้น"
เฉี่ยนหลิ่วได้แปรงผมให้หยุนชางใหม่แล้ว จากนั้นก็ปักปิ่นยวนยางลงไป แล้วจึงก้มลงถามหยุนชางด้วยเสียงต่ำๆ ว่า "พระชายาเพคะ ผมที่มวยขึ้นมาใหม่นี้เป็นอย่างไรบ้างหรือเพคะ?"
หยุนชางพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ดีมาก เอาตามนี้เลย" ขณะที่พูดนางก็หันไปมองซูหรูอิงและกล่าวว่า "แม่หญิงซูรู้สึกว่าปิ่นยวนยางนี้งามหรือไม่?"
ซูหรูอิงไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ แต่นางก็มองดูปิ่นยวนยางนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า "สีงามสดใส และยวนยางสองตัวนั้นดูประณีตอย่างมาก งามมากเพคะ"
"อืม ข้าก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน ชิงเหยียนก็เคยชมปิ่นนี้เช่นกัน แต่มิได้ชมเพราะมันมีสีสันที่สดใสและงดงาม หรือมีลวดลายประณีตอย่างแต่ใด แต่ชมเพราะนี่คือปิ่นยวนยาง ยวนยาง (เป็ดแมนดาริน) เป็นตัวแทนของความรัก ทั้งผู้ตัวและตัวเมียมิเคยพรากจากกัน หากว่าหนึ่งในนั้นถูกจับไปหรือว่าเสียชีวิต เป็ดอีกตัวก็จะตรอมใจตายไปเช่นกัน ผู้ชายส่วนใหญ่มักมีภรรยาและนางสนมจำนวนมาก เปลี่ยนหญิงสาวที่โปรดปรานอยู่เรื่อย เอาแน่เอานอนมิได้ เจ้าชู้ยิ่งนัก ข้าและชิงเหยียนรักกันอย่างมาก มิอยากให้มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง คนอื่นๆ มักรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ทว่าพวกเขามิใช่พวกเรา แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าเรามีความสุขกับการเป็นอยู่เช่นนี้หรือไม่? แน่นอนว่าอำนาจและความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งเหล่านี้อาจมิใช่สิ่งที่ข้าและชิงเหยียนตามหา แม้ว่าหากเราใฝ่ฝันสิ่งเหล่านี้ แต่เรามิจำเป็นต้องใช้กำลังของคนอื่นๆ เพื่อได้สิ่งนี้มา" หยุนชางอมยิ้ม นางจ้องมองไปที่ซูหรูอิง หยุดไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงถอนหายใจและกล่าวว่า
"เดิมทีข้ามิอยากจะกล่าวเช่นนี้หรอก เพียงแต่ข้าเห็นว่าแม่หญิงซูเป็นหญิงสาวที่งามและมีความสามารถ ก็คงเป็นหญิงสาวที่ฉลาด เรื่องบางเรื่องที่เจ้าคิดว่าออกมาจากปากคนใกล้ชิดนั้น มิอาจถูกเสมอไป สิ่งที่ผู้หญิงกลัวที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือการเลือกสามีผิดคน หากว่าได้แต่งานกับคนที่ดี แม้ว่าจะลำบากขนาดไหนก็ย่อมมีความสุข แต่หากแต่งงานผิดคน หนึ่งปีได้เจอสามีตัวเองเพียงไม่กี่ครั้ง และเขายังเอาแต่คิดถึงหญิงอื่นเสมอ ข้าคิดว่าแม้ว่าจะเป็นคนที่มีอำนาจสูงเช่นไร มีฐานะมีความมั่งคั่งเพียงใด ในใจก็คงเป็นทุกข์เช่นกันกระมั้ง?"
ประกายแห่งความสับสนฉายผ่านดวงตาของซูหรูอิง จากนั้นม่านถูกเปิดออก เฉี่ยนจั๋วเดินเข้ามา นางถือโถน้ำร้อนไว้ในมือ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อนางเห็นว่าซูหรูอิงอยู่ในห้องนางตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็เก็บความตกตะลึงนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว "พระชายาเพคะ โถน้ำร้อนเตรียมพร้อมแล้วเพคะ"
หยุนชางรับและกล่าวว่า "วางไว้ตรงนั้นเถิด ในห้องมีเตาไฟอยู่แล้ว มิได้หนาวมาก"
เฉี่ยนจั๋วตอบรับ จากนั้นจึงสวมถุงที่ทำด้วยขนจิ้งจอกขาวไว้ที่โถน้ำร้อน แล้วจึงกล่าวว่า "เมื่อสักครู่ตอนที่หม่อมฉันไปข้างนอก หม่อมฉันพบท่านอ๋องและคุณชายหลิ่วกำลังพูดคุยกันอยู่ในลานสวนเพคะ ท่านอ๋องสั่งให้หม่อมฉันเตือนพระชายาว่า เมื่อตอนอยู่ข้างนอกท่านเห็นว่าขนสุนัขจิ้งจอกบนเสื้อคลุมของพระชายาเปียกชื้นเล็กน้อย กล่าวว่าให้พระชายาถอดให้หม่อมฉันเอาไปผิงบนเตาไฟให้แห้งเพคะ มิฉะนั้นขนจิ้งจอกที่เปียกเล็กน้อยจะติดที่คอทำให้ไม่สบายคอเท่าไหร่เพคะ "
หยุนชางอมยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางพยักหน้าและให้เฉี่ยนจั๋วถอดเสื้อคลุมออก หยุนชางเห็นว่าเฉี่ยนจั๋วนำเสื้อคลุมนั้นไปผิงไฟแล้ว จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับซูหรูอิงว่า "ศีรษะของแม่นางซูเปียกเล็กน้อยเช่นกัน ให้สาวใช้มาช่วยเช็ดให้แห้งเถิด" ขณะที่พูดนางก็ยืนขึ้นและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
ซูหรูอิงดูเหมือนตกใจ นางรีบถอยหลังไปอย่างกะทันหันและส่ายหน้า " ไม่เป็นไรเพคะ ดอกบ๊วยด้านนอกสวยงามดีเพคะ ตอนนี้ทุกคนกำลังพักผ่อนหม่อมฉันอยากออกไปชมดอกไม้เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอไม่รบกวนพระชายาพักผ่อนนะเพคะ"
ขณะที่พูดนางก็หันหลังกลับและพาสาวใช้ออกไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อเฉี่ยนจั๋วเห็นซูหรูอิงเป็นเช่นนี้นางก็ตกตะลึง จากนั้นจึงกล่าวพร้อมถือเสื้อคลุมว่า "คุณหญิงตระกูลซูเป็นกระไรไปหรือเพคะ ท่าทางเหมือนเสียขวัญเลยเพคะ"
หยุนชางยิ้มวางมือบนเก้าอี้แล้วท้าวหัวไว้มิได้กล่าวกระไร
แต่เฉี่ยนหลิ่วกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า "ไม่รู้ว่าตระกูลซูสั่งสอนอย่างไร จึงสอนนางจ้องจะเอาสามีคนอื่นไร้ยางอาย และยังทำเหมือนว่านี่เป็นสิ่งที่สมควร อีกทั้งยังกล่าวอีกว่าเป็นผลประโยชน์ต่อพระชายาและท่านอ๋อง ช่างเหลวไหลเสียจริง"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉี่ยนจั๋วก็ตกตะลึงจนกระโดดขึ้นมา "อะไรนะ? หม่อมฉันก็ว่าเหตุใดนางจึงอยากจะเข้าใกล้ท่านอ๋องอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้นางยังทำสายแดงหลุดมือไปพร้อมพระชายา ที่แท้นางคิดการเช่นนี้เองหรือ พระชายาเพคะ ให้หม่อมฉันและเฉี่ยนหลิ่วไปสั่งสอนซูหรูอิงหรือดีไม่เพคะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง