เกิดเรื่องขึ้นในเมืองหลวง ? หยุนชางพลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พลันสายตากวาดตามองชุดของทหารองครักษ์ผู้นี้ ทว่า เพียงมองดูชุดอย่างเดียวไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็นทหารองครักษ์ฝ่ายใด หากจะตามหาที่เช่นนี้ได้. เกรงว่าจะเป็นหน่วยลับที่ลั่วชิงเหยียนจัดเตรียมไว้กระมัง ทว่า เกิดเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกันแน่ ?
หยุนชางพลันหันไปจ้องมองเฉี่ยนหลิ่ว เพียงกวาดตามองครั้งหนึ่ง เฉี่ยนหลิ่วเข้าใจความหมายของหยุนชางทันที พลางพยักหน้ารับคำสั่งเล็กน้อยแล้วจึงถอยกายจากไป หยุนชางพลันยิ้มส่งให้กับผู้คนในที่นี้ พร้อมพูดขึ้นมาว่า "ทุกคนอย่าได้ไปสนใจเลย วันนี้เป็นวันแต่งงานของลั่วอี้และเฉี่ยนยิน จะให้ปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆพวกนั้น มาทำลายบรรยากาศงานแต่งได้อย่างไร ดูซิ อีกนานหรือไม่กว่าจะถึงฤกษ์งามยามดี เพียงกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จพร้อมส่งเจ้าสาวเข้าหอได้เมื่อไร เกรงว่าเจ้าบ่าวจะอดทนรอไม่ไหวเสียแล้ว "
เมื่อพวกเขาได้ยินหยุนชางพูดขึ้นเช่นนี้ พลันหัวเราะออกมาเสียงดัง ลั่วอี้พลางเกาหัวไปมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
แม่สื่อพลันรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า "ไม่ต้องรีบร้อน ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วยาม"
เพียงผ่านไปชั่วครู่ แม่สื่อจึงตะโกนขึ้นมาบอกว่า "ได้ฤกษ์ยามแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวหนึ่งกราบไหว้บรรพบุรุษ "
ลั่วอี้แย้มยิ้มพร้อมบอกว่า "กระหม่อมและเฉี่ยนยิน พ่อแม่ของเราทั้งคู่ล้วยตายจาก เป็นความเมตตาของท่านอ๋องและหวางเฟยที่ทำให้พวกกระหม่อมเดินมาถึงจุดนี้ได้ ท่านอ๋องและหวางเฟยมีบุญคุณต่อพวกกระหม่อมจนล้นเหลือ การกราบไหว้บรรพบุรุษในครั้งนี้ ย่อมเป็นท่านอ๋องและหวางเฟยที่คู่ควร " เมื่อพูดจบทั้งสองพลางคุกเข่าก้มลงคำนับลงไป
รอบดวงตาของหยุนชางพลันมีร่องรอยเปียกชื้น เพียงครู่หนึ่งจึงแย้มยิ้มออกมาว่า "ได้ได้ได้"
"สองกราบไหว้ฟ้าดิน "ลั่วอี้และเฉี่ยนยินพลันหันหน้าไปโค้งคำนับทางประตู
"สามีภรรยาคำนับกันและกัน" ลั่วอี้และเฉี่ยนยิน พลันค่อย ๆ หันหน้าเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างก้มลงคำนับ
"พิธีการเสร็จสิ้น. ส่งเข้าเรือนหอได้" เมื่อเสียงของแม่สื่อจบลง ผู้คนพลันส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี "เจ้าบ่าวรีบออกมาดื่มเหล้ากับแขกเสียเล่า อย่าได้รีบยลโฉมเจ้าสาวจนไม่อยากออกมาจากห้องหอ "
ใบหน้าของลั่วอี้พลันแดงก่ำ พร้อมรีบร้อนอุ้มเฉี่ยนยินเข้าห้องหอที่ด้านหลัง หากแต่อาการตื่นเต้นเล็กน้อย พลันเกือบสะดุดกับดอกไม้จากผ้าสีแดงขนาดใหญ่ตรงกลาง จึงทำให้ผู้คนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะส่งผู้มาใหม่เข้าไปในเรือนหอ
ลั่วอี้เป็นบุคคลที่พูดจริงทำจริง ผ่านไปยังมิถึงครึ่งชั่วยามเขาก็เดินออกมาจากเรือนหอ พร้อมถือแก้วเหล้าและสุรามงคลเดินออกมา เมื่อหยุนชางดื่มเหล้าไปได้แก้วหนึ่ง จึงเดินเข้าไปในเรือนหอ พลันเห็นเฉียนยินที่ถอดเครื่องสวมหัวสีแดงออกหมดแล้ว พลางนั่งอยู่ในห้องผู้เดียวด้วยความอึดอัด
เฉี่ยนยินเมื่อเห็นยุนชางจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย พร้อยค่อยๆส่งเสียงเรียกออกมา "หวางเฟย"
หยุนชางส่งยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมนั่งที่ข้างเตียง พลางดึงมือเฉี่ยนยินเข้ามากุมไว้ "ดีจริง ที่เห็นงานแต่งของเจ้าราบรื่นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็วางใจได้แล้ว ต่อไปนี้ เจ้าและลั่วอี้ล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเจ้าจักต้องมีความสุข และมีลูกออกมาไวไวเสียเล่า"
เฉี่ยนยินได้ยินเช่นนั้น หน้าพลันแดงก่ำด้วยความเขินอาย พลางก้มหัวลงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง หยุนชางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ก่อนหน้านั้น เจ้าหยอกล้อข้าในจวนราวกับไม่มีหน้าไม่มีตาเช่นนั้น ทำไมตอนนี้กลับเขินอายเสียเล่า ?"
เฉี่ยนยินขบริมฝีปากไปมา พร้อมพูดขึ้นมาว่า "เมื่อครู่ นู๋ปี๋ได้ยินว่าในเมืองหลวงเกิดปัญหาอะไรงั้นหรือเพคะ ? "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง