ช่วยหรือ? ดวงตาของหยุนชางเปล่งประกาย นี่มันช่างหายากจริงๆ ที่ผ่านมาองค์หญิงหัวจิ้งมีท่าทีสูงส่งมาตลอด นางต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเมื่อไหร่กัน?
หยุนชางคิดเรื่องนี้และยิ้มเล็กน้อย "ทำไมเสด็จพี่ถึงได้ทำตัวเกรงใจข้าเช่นนี้เล่า มีเรื่องอะไรบอกข้ามาก็พอแล้ว หากมันอยู่ในความสามารถของชางเอ๋อร์แล้ว ชางเอ๋อร์จะทำให้ดีที่สุด"
หัวจิ้งหัวเราะ "ดูเจ้าพูดเข้าสิ เหมือนกับข้าจะอยากให้เจ้าไปฆ่าคนหรือวางเพลิงอย่างนั้นล่ะ อันที่จริงมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ก็คือ เจ้าก็รู้ใช่ไหม คราวที่แล้วในพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้า เป็นเพราะถุงหอมนั่น ทำให้ข้ากับโม่จิ้งหรานถูกคนเข้าใจผิด ต่อมาข้าส่งคนไปถามเขา เขาบอกว่านางกำนัลที่อยู่ข้างพระสนมซู่เป็นคนมอบให้เขา บอกว่าเจ้าเป็นคนมอบให้เขา เขาประทับใจในตัวเจ้าเสมอมาจึงเชื่อไปเช่นนั้นและพกมันติดตัวไว้เสมอ ข้าไม่รู้ว่าพระสนมซู่มีถุงหอมของข้าได้อย่างไร แล้วทำไมจึงหลอกเขาว่านั่นเป็นของเจ้า อย่างไรนางก็เป็นสนมของเสด็จพ่อ ข้าจึงไม่อยากไปยุ่งกับนาง เพียงแต่เพราะเรื่องนั้นข้าจึงได้ถูกกล่าวหาว่าข้ายั่วยวนโม่จิ้งหราน ไม่ทำตามบัญญัติสตรี อย่างไรข้าก็ได้แต่งงานแล้ว ข่าวลือวุ่นวายเหล่านี้ทำร้ายจิตใจเกินไปแล้วจริงๆ"
"หา? มีคนพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? คนเหล่านี้ต้องการอะไรกันแน่?" หยุนชางเบิกตากว้าง
หัวจิ้งถอนหายใจ "จะทำอย่างไรได้ล่ะ ปากของคนอื่นก็อยู่ที่ร่างของคนอื่น แม้ว่าข้าจะเป็นถึงองค์หญิง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปปิดปากผู้คนห้ามไม่ให้พวกเขาพูด" พูดแล้วนางก็หันตัวกลับมามองหยุนชางพลางยิ้มและกล่าวว่า "เป็นเพราะเรื่องนี้ ข้าจึงอยากให้เจ้าช่วยอะไรเล็กน้อย"
หยุนชางพยักหน้า "เสด็จพี่อยากให้ชางเอ๋อร์ทำอะไรเหรอ?"
หัวจิ้งครางในลำคออยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงบอกว่า "ในงานเลี้ยงอีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าก็เชิญโม่จิ้งหรานมา หากข้าไม่เชิญเขามา คนอื่นๆก็ต้องบอกว่าข้ามีเรื่องต้องปิดบังแน่ๆ แต่ว่าข้าเองก็ไม่สะดวกที่จะอยู่ใกล้เขานัก ดังนั้นข้าจึงอยากรบกวนเจ้าช่วยข้าต้อนรับโม่จิ้งหรานตอนงานเลี้ยงหน่อย"
ร่างของหยุนชางชะงักไปเล็กน้อย ในใจนางเข้าใจทันที "ชางเอ๋อร์นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเสียอีก ที่แท้เรื่องนี้นี่เอง เสด็จพี่วางใจได้ ชางเอ๋อร์จะทำเรื่องที่เสด็จพี่มอบหมายให้อย่างเรียบร้อย"
หัวจิ้งได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความยินดี "ข้าขอบใจเจ้ามาก"
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงสาวใช้ดังขึ้นข้างหลัง "องค์หญิง ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันแล้วเพคะ นี่เป็นวันแรกของปีใหม่ ควรไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานข้าวร่วมกับฮูหยิน"
หัวจิ้งพยักหน้า "กฎของจวนนี้คือต้องไปกินอาหารร่วมกับฮูหยินในวันที่หนึ่งถึงวันที่สิบห้าของช่วงปีใหม่ พวกเราไปกันก่อนเถอะ"
หยุนชางพยักหน้าและเดินไปที่ห้องอาหารพร้อมกับสาวใช้และหัวจิ้ง เมื่อมาถึงห้องอาหารแล้ว ฮูหยินใหญ่ยังมาไม่ถึง หัวจิ้งก็งสั่งให้เอาอาหารมาเสิร์ฟก่อน เมื่ออาหารตั้งเต็มโต๊ะแล้วฮูหยินใหญ่ก็เดินเข้ามาทันที
"กินเถอะ" ฮูหยินใหญ่พูดอย่างเคร่งขรึมและเป็นผู้เริ่มขยับตัวขึ้นชามขึ้นมา
หยุนชางและหัวจิ้งจึงหยิบชามของพวกนางขึ้นมา กินไปได้สักพัก พ่อบ้านก็ยืนที่ประตูเห็นทั้งสามกำลังกินอาหารจึงไม่อยากรบกวน เขารอเงียบๆให้ทั้งสามกินข้าวก่อนจะก้าวไปข้างหน้า "รายงานท่านฮูหยินใหญ่ องค์หญิง มีพระมาบิณฑบาตอยู่หน้าประตูขอรับ"
"พระ?" หัวจิ้งขมวดคิ้ว "ตอนนี้มีพระหลอหลวงมาบิณฑบาตรไปทั่วเยอะเกินไปแล้ว ให้ข้าวเขาแล้วก็ไล่เขาออกไปเถอะ" พ่อบ้านกำลังจะรับคำและกำลังจะถอยออกไป แต่เขาได้ยินเสียงฮูหยินดังขึ้นก่อน "ไต้ซือท่านนั้นได้บอกหรือไม่ว่าเขามาจากวัดไหน?"
พ่อบ้านได้ยินดังนั้นก็หยุดฝีเท้าและโค้งตัวลงเล็กน้อย "ตอบฮูหยิน เขาบอกว่าเขามาจากวัดแคว้นหนิงขอรับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง