ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 642

เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ยินหยุนชางเอ่ยเช่นนั้นก็ก้มศีรษะลงพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่น "คิดไปแล้วก็เป็นความผิดของข้า แม่ของเขาปรารถนาให้เขาไม่ต้องทะเยอทะยานมากนัก เพียงเขาปลอดภัยก็พอแล้ว แต่ข้ากลับไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเขาและสอนหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่ควรเรียนรู้ จนวันหนึ่งข้าก็ตระหนักได้ว่าแม้แต่ข้าเองก็ไม่เข้าใจเขาแล้วจึงได้รู้ว่าข้าทำอะไรผิดไป"

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น "แม่ของเขา หลิ่วเฟย?"

หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้าและไม่ได้เอ่ยอะไร แต่กลับมีแววเจ็บปวดฉายวาบผ่านขึ้นในดวงตาของเขาอย่างรวดเร็วจนหยุนชางไม่ทันสังเกตเห็น

หยุนชางถูกหลิ่วหยินเฟิงกระตุ้นความสนใจ นางทบทวนอยู่ในหัวครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มออกมา "มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากรู้มาตลอด ตอนที่อยู่ที่แคว้นหนิง ท่านอ๋องเจ็ดก็นับได้ว่าเป็นผู้ลงมือสังหารพี่ชายของตนเอง องค์รัชทายาทตายด้วยแผนร้ายของท่านอ๋องเจ็ด แต่เหตุใดฝ่าบาทจึงได้เข้าข้างเขาถึงเพียงนั้น ที่จริงแล้วตอนนั้นเขาถูกท่านอ๋องจับตัวไว้แล้ว แต่ฝ่าบาทกลับขอให้ท่านอ๋องปล่อยเขาไปด้วยตนเอง ข้าไม่เคยเข้าใจเลยว่านี่เป็นเพราะเหตุใด?"

มือของหลิ่วหยินเฟิงสั่นเล็กน้อย คิ้วของเขาขมวดมุ่นราวกับกำลังจมสู่ห้วงคิด ไม่นานเขาก็เอ่ยว่า "อาจเป็นเพราะฝ่าบาทรู้สึกผิดต่อท่านอ๋องเจ็ดกระมัง"

"รู้สึกผิดงั้นหรือ?" หยุนชางหัวเราะ "หากพูดถึงเรื่องรู้สึกผิดแล้ว ฝ่าบาทไม่ควรรู้สึกผิดต่อรุ่ยอ๋องมากกว่าหรือ?"

หลิ่วหยินเฟิงส่ายหัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องต้องห้ามแห่งวังหลวง เจ้าไม่รู้จะดีกว่า รู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นผลดี"

"หือ?" หยุนชางเลิกคิ้วและยิ้มบางๆ นางไม่ได้ถามต่ออีกเพียงยิ้มและพูดว่า "ข้าเห็นว่าท่านอ๋องเจ็ดร่างกายดูไม่แข็งแรงนัก ข้าพอจะรู้จักคนที่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์หากท่านอ๋องเจ็ดยินดี ไม่รับประกันว่าจะรักษาได้หายขาด เพียงแต่ท่าทางป่วยเหยาะแหยะจะต้องดีขึ้นมากแน่"

หลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปอยู่นานก่อนจะยิ้มให้หยุนชาง "ชาเริ่มเย็นแล้ว"

หยุนชางยิ้มน้อยๆ เมื่อครูเห็นได้ชัดว่าเขาพูดถึงท่านอ๋องเจ็ดก่อน ตอนนี้กลับเปลี่ยนเรื่องเสียเอง ทว่าเช่นนั้นกลับกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนางมากขึ้นไปอีก แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นก็ย่อมต้องมีคนรู้อย่างแน่นอน

หยุนชางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ กลิ่นหอมหวานของพุทราแผ่กระจายไปทั่วทั้งปาก หยุนชางยิ้มบางๆ และยืนขึ้น "สายแล้ว ข้าขอตัวไปจวนกั๋วกงก่อน หากช้าไปกว่านี้เกรงว่าขากลับก็คงมืดค่ำแล้ว"

หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้าและให้ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้างไปส่งหยุนชาง เขาค่อยๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูหยุนชางขึ้นรถม้า จากนั้นจึงถอนสายตาออกไปมองต้นหลิ่วริมถนนด้านนอกที่ยังไม่แตกใบมีเพียงกิ่งโล้นห้องลงมา

หลิ่วหยินเฟิงมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นจึงได้ท่องกลอนออกมาเบาๆ "ยามข้าจากไป หลิ่วพริ้วไหวไหว กลับจากแดนไกล หิมะไซร้ล่องลอย หลิ่วเฟยเสวี่ย หลิ่วหยินเฟิง..."

บนรถม้า ฉินยีจ้องมองหยุนชางตาไม่กะพริบอย่างเงียบๆ จนหยุนชางทนไม่ไหว หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นและถามว่า "ทำไมมองข้าเช่นนี้? ที่หน้าของข้ามีตาที่สามงอกออกมาหรือ?"

ฉินยียิ้มและหันหน้ากลับไป "องค์หญิงน้อยของเราเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ ตอนนี้งดงามล่มเมือง คุณชายไม่น้อยต่างก็ชมชอบท่าน คุณชายหลิ่วเมื่อครู่ หม่อมฉันแค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาต้องมีใจให้พระชายา แววชื่นชมในดวงตาของเขาปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด เพียงแต่พระชายาแต่งงานแล้วและยังตั้งครรภ์อีก ดีที่สุดก็ควรจะรักษาระยะห่างกับเขาบ้าง อย่างไรข่าวลือก็น่ากลัวนัก"

"ข้ารู้แล้ว..." หยุนชางมองฉินยีอย่างขบขัน นางเอื้อมมือไปกอดแขนฉินยีและกล่าวว่า "ข้าย่อมเข้าใจอยู่แล้ว แต่คุณชายหลิ่วเคยช่วยชีวิตข้าไว้ เมื่อเขาส่งคนมาเชิญข้า ข้าก็ไม่อาจปฏิเสธคำเชิญของเขาได้ แต่ต่อไปข้าจะระวัง หากต้องพบเขาก็จะเลือกสถานที่ที่มีคนอยู่มาก"

ฉินยีพยักหน้าเบาๆ "พระชายารู้ตัวเองดีเสมอ"

หยุนชางยิ้มรับ แต่ก็ยังไม่สามารถลบล้างความอยากรู้อยากเห็นในใจนางได้ ทำไมเซี่ยหวนอวี่จึงได้ตามใจองค์ชายเจ็ดนัก? จากท่าทางอึกอักของหลิ่วหยินเฟิงแล้ว ส่วนใหญ่คงเกี่ยวข้องกับหลิ่วเฟย นางจะถามกั๋วกงฮูหยินเสียหน่อย เรื่องราวต้องห้ามลึกลับในวังนั้น กั๋วกงฮูหยินย่อมต้องรู้อยู่บ้าง เพียงแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงไม่เคยพูดถึงมันได้อีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง