หยุนชางกล่าวต่อไปว่า "การสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท แท้จริงแล้วเป็นฝีมือของท่านอ๋องเจ็ดร่วมมือกับหลี่จิ้งเหยียนและชางเจียชิงซู นับดูแล้วท่าอ๋องเจ็ดก็ถือเป็นผู้บงการ ตอนนั้นเขาตั้งใจใส่ร้ายลั่วชิงเหยียน ลั่วชิงเหยียนจึงได้จับตัวเขาขังไว้ในจวนอ๋อง เป็นเพราะฝ่าบาทเสด็จมาด้วยตนเองและขอให้เขาปล่อยท่านอ๋องเจ็ดไป"
หยุนชางหยุดไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นกั๋วกงฮูหยินขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อ "ตอนนั้นข้าเองก็แปลกใจกับท่าทีที่ฝ่าบาทมีต่อท่านอ๋องเจ็ด ราวกับออกจะใจกว้างกับเขาเกินไปนัก"
"ข้าก็เคยสืบเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน ว่ากันว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลิ่วเฟย ข้าจึงได้รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ตามหลักเหตุผลแล้ว ผู้ที่ฝ่าบาทควรรู้สึกผิดไม่ใช่ชิงเหยียนหรอกหรือ เหตุใดจึงได้เป็นท่านอ๋องเจ็ด... ข้าไม่รู้ว่าเบื้องหลังนั้นเป็นมาอย่างไร" หยุนชางเงยหน้าขึ้นถามแผ่วเบา
เมื่อกั๋วกงฮูหยินได้ยินเช่นนั้น มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเย็น ครู่หนึ่งจึงถอนหายใจออกมา "นี่เป็นเรื่องเก่าๆ ทั้งนั้น จริงๆ แล้วตอนนั้นข้ากับท่านตาของพวกเจ้าก็ไม่สนใจเรื่องภายนอกแล้วและไม่ได้รู้อะไรมากนัก ในเมื่อเจ้าอยากรู้ ข้าก็จะเล่าให้ฟัง"
สาวใช้วางถ้วยชาลงที่ด้านข้างหยุนชาง หยุนชางยื่นมือไปทดสอบอุณหภูมิร้อนเย็นของชานั้นแล้วจึงชักมือกลับมาและฟังเรื่องที่กั๋วกงฮูหยินพูด
"หลิ่วเฟยมีชื่อว่าหลิ่วเฟยเสวี่ย ฝ่าบาทรู้จักนางหลังหลิงเอ๋อร์จากไปไม่นาน หลังจากที่หลิงเอ๋อร์ไม่อยู่แล้วฝ่าบาทก็ไม่เชื่อว่านางได้จากไปแล้วมาตลอด พระองค์พาคนไปค้นหาบริเวณที่นางหายตัวไปอยู่เกือบปี ที่นั่นมีภูเขามากมาย ตอนที่ใกล้ถึงวันครบรอบการตายของหลิงเอ๋อร์ ฝ่าบาทอยากไปเดินเล่นยังที่ที่หลิงเอ๋อร์หายตัวไป เขาพาทหารไปด้วยสองสามคน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ถนนหนทางบนภูเขาลื่นนัก ฝ่าบาทจึงลื่นตกจากเขา หลิ่วเฟยเสวี่ยเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้" น้ำเสียงของกั๋วกงฮูหยินสงบราบเรียบแต่กลับแฝงแววเหยียดหยันอย่างชัดเจน หยุนชางข้องใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา
"หลิ่วเฟยเสวี่ย... ที่จริงแล้วนางมีรูปร่างหน้าตาคล้ายหลิงเอ๋อร์อยู่สามส่วน ภายใต้สติพร่ามัวของฝ่าบาทก็ได้มีอะไรกับนางเข้า ต่อมาจึงพานางเข้ามาวัง หลิ่วเฟยเสวี่ยซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงลูกสาวของคนขายเนื้อก็ได้ดิบได้ดีในชั่วข้ามคืน นางถูกแต่งตั้งยศเป็นหลิ่วผินโดยตรง นางเคยแท้งลูกสองครั้ง จนกระทั่งในปีที่สี่ที่นางเข้าวังมาจึงได้ให้กำเนิดท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดนั้นเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท" กั๋วกงฮูหยินขมวดคิ้วน้อยๆ
"ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ห้าขวบมีบางอย่างเกิดขึ้น น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์นั้น ฝ่าบาทจึงได้อ่อนข้อให้ท่านอ๋องเจ็ดยิ่งนัก วันนั้นเป็นวันครบรอบการตายของหลิงเอ๋อร์เช่นกัน ในตอนกลางคืนฝ่าบาทก็เสด็จไปยังที่ที่พระองค์เคยพบกับหลิงเอ๋อร์เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา หลิ่วเฟยถูกเขาสังหารด้วยมือของตนเอง ท่านอ๋องเจ็ดก็บาดเจ็บสาหัสและร่างกายอ่อนแอมาจนถึงบัดนี้" กั๋วกงฮูหยินแค่นหัวเราะเสียงเย็นแล้วจึงไม่พูดอะไรอีก
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่นางเคยได้ยินมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ข่าวลือเหล่านั้นต่างก็กล่าวหลิ่วเฟยถูกฮองเฮาวางยาและองค์ชายเจ็ดก็ตกเป็นเหยื่อของการแก่งแย่งชิงดีในวัง เขาถูกวางยาพิษจึงได้ทิ้งรอยโรคไว้
หยุนชางครุ่นคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกว่าคำกล่าวของกั๋วกงฮูหยินเต็มไปด้วยช่องโหว่และไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งนางจึงถามขึ้นในที่สุด "ทำไมจู่ๆ ฝ่าบาทจึงได้เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา? และหากวันนั้นฝ่าบาทไปรำลึกถึงเสด็จแม่จริง แม้จะเกิดคลั่ง เหตุใดหลิ่วเฟยจึงปรากฏตัวที่นั่นและถูกเขาสังหารได้?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง