หยุนชางเลือกปิ่นปักผม 2 อัน ต่างหู 2 คู่ และกำไล 1 คู่ส่งให้เฉียนสุ่ยนำไปห่อ แล้วจึงสั่งให้เฉียนสุ่ยตัดชุดเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง
ฮวาอวี้ถงเดินดูภายในร้าน นางเลือกเพียงปิ่นรูปผีเสื้อชมผกาฝังหยก 1 อัน และไม่เลือกสินค้าชิ้นอื่นอีก หยุนชางรู้ดีว่านางคงจะเกรงใจ หยุนชางหยิบปิ่นหยกสีชมพูลายดอกท้อส่งให้ฮวาอวี้ถง "ข้าว่าถ้าเจ้าได้ปักปิ่นนี้คงจะงามมากเลยทีเดียว เจ้าชอบหรือเปล่า?"
ฮวาอวี้ถงพยักหน้าเบาๆ หยุนชางจึงให้เฉียนสุ่ยนำปิ่นไปห่อ
เฉียนสุ่ยส่งถุงผ้าของแต่ละคนให้กับทั้งสอง จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากร้านไป พวกนางพูดคุยกันสักพัก แล้วฮวาอวี้ถงก็ขอตัวกลับไป หยุนชางขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับลั่วชิงเหยียน ในขณะที่สารถีกำลังจะออกรถ เฉียนสุ่ยก็ได้เดินออกจากร้านมาหาหยุนชางที่ข้างรถม้า นางกระซิบกับหยุนชางว่า "พระชายา หญิงสาวที่มาซื้อปิ่นไพลินรูปผีเสื้อทั้งสองอันในวันนั้น ก็คือหญิงสาวผู้ที่อยู่กับพระชายาเมื่อครู่นี้เพคะ......"
เนื่องจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว หยุนชางนั่งนึกอยู่สักพัก กระทั่งนึกได้ว่าเฉียนสุ่ยกำลังพูดเรื่องอะไร "เจ้าแน่ใจนะว่าจำคนไม่ผิดแน่?"
"ไม่ผิดแน่นอนเพคะ น้ำเสียงและรูปร่างเหมือนกับหญิงสาวนางนั้นทุกประการ ส่วนเรื่องกิริยาท่าทาง ผู้อื่นก็คงลอกเลียนแบบไม่ได้เหมือนถึงเพียงนี้เพคะ" เฉียนสุ่ยตอบอย่างมั่นใจ
หยุนชางครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วจึงพยักหน้า "ได้ ข้ารู้แล้ว"
พูดจบก็ปิดม่านหน้าต่างรถม้า ฉินยีมองดูหยุนชาง แล้วจึงหันไปสั่งสารถี "ไปได้"
ลั่วชิงเหยียนยังคงรู้สึกสับสน "เฉียนสุ่ยพูดอะไรกับเจ้าหรือ? เมื่อครู่นี้เจ้ายังอารมณ์ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพระชายาอ๋องเจ็ดงั้นหรือ?"
หยุนชางถอนหายใจ แล้วจึงหันไปพูดกับลั่วชิงเหยียน "เป็นเรื่องเกี่ยวกับเสียนฮูหยินเพคะ หม่อมฉันเคยสงสัยว่า ปิ่นไพลินรูปผีเสื้อที่เสียนฮูหยินปักมาทั้งสองอันในวันนั้นจะเป็นปิ่นที่นางให้คนไปซื้อมาจากหอเฉียนสุ่ยอี้เหรินแล้วนำไปให้นางที่ในวัง แต่เฉียนสุ่ยกลับให้การปฏิเสธ นางบอกว่าคนที่ไปซื้อปิ่นที่ร้านของนางในวันนั้นมิใช่คนจากในจวนหวัง แต่เป็นหญิงสาวอายุ 17-18 นางสวมผ้าคลุมหน้า จึงไม่รู้ว่าหน้าตาของนางเป็นอย่างไร หม่อมฉันได้ให้เฉียนสุ่ยคอยสอดส่องความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อครู่นี้นางมารายงานหม่อมฉันว่า หญิงสาวที่ได้ซื้อปิ่นไปนั้นก็คือฮวาอวี้ถงนั่นเองเพคะ"
"ฮวาอวี้ถง?" ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้ว "นางซื้อปิ่นนั่นไปทำอะไร? แล้วเพราะเหตุใดจึงต้องนำไปประดับบนศีรษะของเสียนฮูหยินด้วย?"
หยุนชางส่ายหน้า ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย นางเงียบไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เดี๋ยวหม่อมฉันจะส่งคนไปพบอวี้ถงเพื่อไต่ถาม ถึงอย่างไร อวี้ถงก็เป็นคนตระกูลฮวา คงจะไม่สร้างความเดือดร้อนมาให้กับพวกเราหรอกเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิด "ฮวาอวี้ถงไม่สร้างความเดือดร้อน แต่ว่า อ๋องเจ็ดนั้นก็ไม่แน่"
"ท่านกำลังสงสัยว่า อ๋องเจ็ดเป็นผู้บงการเรื่องนี้งั้นหรือเพคะ?" หยุนชางมองหน้าลั่วชิงเหยียนพลางขมวดคิ้ว ฮวาอวี้ถงเป็นคนใสซื่อ หากถูกอ๋องเจ็ดบงการ ก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูง
ลั่วชิงเหยียนไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าเห็นว่าเจ้าดูจะสนิทสนมกับพระชายาอ๋องเจ็ด แต่ต่อให้เจ้าจะชอบนางมากแค่ไหน คำพูดบางอย่างก็ไม่สามารถพูดออกมาต่อหน้านางได้ มิเช่นนั้นแล้ว จะเป็นการทำร้ายทั้งตัวเจ้าและนางเอง"
หยุนชางได้ฟังแล้วก็คิดตาม สักพักนางก็พยักหน้า แล้วถอนหายใจออกมา
ไม่นานนัก รถม้าก็ได้เคลื่อนตัวออกมาจากเขตตัวเมือง ในเขตชานเมืองมีเนินอยู่แห่งหนึ่ง บนเนินแห่งนั้นมีศาลาอยู่ 1 หลัง ลั่วชิงเหยียนประคองหยุนชางขึ้นไปนั่งรอในศาลา
อากาศค่อนข้างหนาวเย็น บวกกับบนเนินมีลมพัดแรง โชคดีที่ฉินยีเตรียมพร้อม นางนำชุดคลุมอย่างหนาออกมาจากรถม้า 2 ตัว นางส่งชุดให้กับลั่วชิงเหยียนตัวหนึ่ง แล้วจึงนำอีกตัวหนึ่งมาสวมให้กับหยุนชาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง