หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน กั๋วกงฮูหยินก็ได้เปลี่ยนเรื่องการสนทนา "เมื่อวานฮ่องเต้ทรงเรียกท่านพี่เข้าไปพบ หลังจากนั้นไม่นาน ท่านพี่ก็นำทหารออกปฏิบัติภารกิจในทันที"
"ปฏิบัติภารกิจ?" หยุนชางรู้สึกแปลกใจ "ก็ไม่เห็นมีสงครามตรงไหนเลยนี่คะ?"
กั๋วกงฮูหยินยิ้มฝืนๆ "ไม่มีที่ใดเกิดสงครามหรอก แต่ว่าแคว้นเย้หลางช่วงนี้เพิ่งจะผลัดแผ่นดิน ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก คอยสั่งคนไปก่อความวุ่นวายตามเขตชายแดนระหว่างสองแคว้น ฮ่องเต้จึงทรงให้ท่านพี่ยกไพร่พลไปข่มขู่ การเคลื่อนทัพเช่นนี้ ไม่เกิดขึ้นเลยจะดีเสียกว่า ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนทัพก็ต้องสูญเสียกำลังไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก หากฝั่งทางโน้นรู้ตัวว่าพวกเรากำลังเดินทางไปปราบปราม ก็คงจะเตรียมแผนการดักทำร้ายอยู่เช่นเดียวกัน"
เมื่อหยุนชางได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้ว ภายหลังจากการตายของหัวจิ้ง หยุนชางก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราวของแคว้นเย้หลางอยู่นาน ไม่รู้มาก่อนเลยว่าแคว้นเย้หลางได้เปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว "ฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นเย้หลางคือผู้ใดหรือคะ?"
"ก็คือองค์ชายสามนั่นเอง ชางเจียชิงซู" กั๋วกงฮูหยินถอนหายใจออกมา "ข้าเคยรู้มาว่าตอนที่ชางเจียชิงซูไปอยู่ที่แคว้นหนิง เขาก่อเรื่องราวใหญ่โตเอาไว้มากมาย เรื่องนี้ควรเป็นพระราชวินิจฉัยของฮ่องเต้ในการสั่งจัดการ แต่ไม่คิดเลยว่า เขาจะใจคอโหดเหี้ยม จนถึงขั้นยอมสังหารพี่ชายและน้องชายของตัวเอง พร้อมทั้งขู่บังคับให้เสด็จพ่อของเขาสละบัลลังก์ให้กับเขา"
ฟังกั๋วกงฮูหยินพูดแล้ว หยุนชางก็แสยะยิ้มแล้วคิดภายในใจ ที่แท้ก็คู่ปรับเก่านี่เอง
กั๋วกงฮูหยินมิได้แปลกใจที่ชางเจียชิงซูกระทำการเช่นนี้ได้ แต่นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขายังกล้าที่จะยุยงให้ผู้คนก่อความวุ่นวายบนพรมแดนระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลาง
เขาคงรู้แล้วว่า ตอนนี้ลั่วชิงเหยียนอยู่ที่แคว้นเซี่ย เมื่อเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็คงทะนงตนมากขึ้นเป็นธรรมดา หยุนชางหรี่ตาครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า "ช่างเหลือเชื่อจริงๆค่ะ แต่ข้าคิดว่า ส่งท่านอ๋องไปจะเหมาะที่สุดค่ะท่านยาย"
กั๋วกงฮูหยินกุมมือของหยุนชางเอาไว้ นางส่ายหน้าแล้วพูดกับหยุนชางว่า "ข้าเคยได้ยินมาแล้ว ว่าชิงเหยียนกับชางเจียชิงซูเป็นคู่อริเก่าแก่ แต่ว่า หากมีสงครามเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาจึงจะได้กลับมา ตอนนี้เจ้าก็กำลังตั้งท้อง ชิงเหยียนควรจะคอยอยู่ดูแลเจ้าอยู่ที่เมืองจิ่นต่างหาก"
นางเงียบไปสักพัก แล้วพูดต่อไปว่า "อีกอย่าง สถานการณ์ในเมืองจิ่นตอนนี้ก็ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ อ๋องเจ็ดหาใช่คนใจดีมีคุณธรรม ข้าเห็นว่าช่วงนี้อ๋องเจ็ดดูจะเหิมเกริมขึ้นไปทุกที แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องราวในวัง แต่ก็ได้พบปะพูดคุยกับสตรีในวังอยู่บ่อยครั้ง ข้าจึงได้รับรู้อะไรต่อมิอะไร ตอนนี้ความสัมพันธ์ของอ๋องเจ็ดและพระชายาก็กลับมาดีขึ้นมาก เห็นว่าพวกเขาเสวยอาหารและดื่มสุราด้วยกันด้วย"
กั๋วกงฮูหยินพูดเสียงเบาๆว่า "ให้ข้าเดานะ คงเป็นเพราะว่าอ๋องเจ็ดเห็นว่าลั่วชิงเหยียนได้หน้าได้ตา ทำให้เขารู้สึกร้อนใจขึ้นมา สถานการณ์ต่างๆในวัง พลิกแพลงและเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอด ท่านตาของพวกเจ้าแม้จะชราภาพแล้ว แต่ก็ยังคงชอบการออกรบเป็นชีวิตจิตใจ ก็ปล่อยให้เขาได้ไปเถอะ! การที่เขาต้องมานั่งคิด นั่งใช้สมองอยู่แต่เพียงในวัง มันทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานเปล่าๆ อีกอย่างหากการออกรบครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อชิงเหยียนด้วยเช่นเดียวกัน"
หยุนชางพยักหน้า "เรื่องเกี่ยวกับอ๋องเจ็ดที่ข้าเคยปรึกษากับท่านตาท่านยาย เห็นทีจะต้องรีบดำเนินการตามแผนล่วงหน้าก่อนเวลาที่วางไว้ กำลังคนของข้าก็มีมาก ช่วงนี้มีสตรีถูกคัดเลือกเข้าไปในวังค่อนข้างเยอะ ข้าเกรงว่าฮวาอวี้ถงผู้ใสซื่อ จะหลงรักอ๋องเจ็ดเข้าจนได้"
กั๋วกงฮูหยินตอบกลับไปว่า "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล อวี้ถงจะต้องเข้าใจว่าอ๋องเจ็ดไม่อาจหลงรักนางได้ แม้ภายนอกนางจะเป็นคนร่าเริงและเป็นมิตรกับคนทั่วไป แต่นางก็สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้ดี แต่ว่าเรื่องนั้นรีบนำมาจัดการล่วงหน้าก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง"
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก ก็มีสาวใช้มาเคาะประตูห้อง "ทูลพระชายา ท่านอ๋องทรงให้หม่อมฉันมาทูลเชิญพระชายาให้เสด็จไปที่ลานรับแขกเพคะ"
หยุนชางลุกขึ้นยืน "สงสัยพวกท่านตาจะจบการประลองกันแล้ว พวกเราไปรับประทานอาหารที่ลานรับแขกกันเถอะค่ะ" พูดจบก็สั่งให้ฉินยีบอกคนยกอาหารเข้าไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง