"องค์หญิง ท่านมาแล้ว เมื่อวานฮ่องเต้เดินไปมาในตำหนักฉินเจิ้งอยู่ทั้งคืน ข้าคิดว่าฝ่าบาทน่าจะเป็นห่วงองค์หญิงแต่ไม่กล้าบอกจิ่นเฟย วันนี้ตอนที่ไปที่วังของฮองเฮา ไม่ได้พูดกับจิ่นเฟยเลยสักคำ พอท่านมาฝ่าบาทจึงได้วางใจ" เมื่อหัวหน้าขันทีเจิ้งเห็นหยุนชาง รอยยิ้มทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาดูราวกับดอกเบญจมาศและรีบเข้ามาทักทายนาง
หยุนชางยิ้มบางๆ "ขอบใจหัวหน้าขันทีเจิ้ง ชางเอ๋อร์จะรีบไปหาเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้" นางกล่าวพลางรีบเข้าไปในตำหนัก
ทันทีที่นางเข้าไปในตำหนัก นางก็เห็นจักรพรรดิหนิงนั่งอยู่หลังโต๊ะพร้อมกับพู่กันชาดในมือ แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังใจลอยอยู่และไม่ได้เขียนอะไรอยู่นาน หยุนชางก้าวเข้าไปอย่างเงียบๆและเรียกเขา "เสด็จพ่อ..."
จักรพรรดิหนิงตกใจ พู่กันชาดในมือหลุดมือตกลงบนฎีกา แต่เขากลับไม่โมโห รีบเงยหน้าขึ้นมองหยุนชาง "ชางเอ๋อร์?"
หยุนชางสีหน้าปกติ นางย่อกายถวายพระพรแก่ฮ่องเต้และกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์มีความผิด ทำให้เสด็จพ่อต้องเป็นห่วงแล้ว"
"ชางเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?" เขายืนขึ้นและเข้ามาจับหยุนชางดูไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็โล่งใจ "เมื่อวานเจิ้นเป็นห่วงเจ้าทั้งคืน แต่ก็ไม่กล้าออกนอกวังไปพบเจ้า ข้ากลัวว่าแม่ของเจ้ารู้เข้าแล้วจะกังวลใจ ตอนนี้สภาพร่างกายนางไม่เอื้ออำนวยให้กังวลอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร เจิ้นก็สบายใจแล้ว"
หยุนชางยิ้มด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน "ท่านแม่สบายดีไหมเพคะ? ร่างกายเริ่มออกหรือยังเพคะ?"
"นี่ยังไม่ถึงสามเดือนเลย จะเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร ครั้งนี้นางแพ้ท้องค่อนข้างหนัก ผอมลงไปเยอะเลย แต่ก่อนตอนที่ท้องเจ้าไม่เห็นจะเป็นหนักขนาดนี้ น้องของเจ้าช่างรู้จักทรมานคนเสียจริง" น้ำเสียงจักรพรรดิหนิงมีแววกล่าวโทษเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หยุนชางมองเห็นเค้าแววบางอย่างจึงอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกกับเขาว่า "หรือว่าท่านแม่สนใจแต่เด็กในท้องจนละเลยเสด็จพ่อ เสด็จพ่อจึงอิจฉา?"
จักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปและยิ้มอย่างจนปัญญา "เจ้านี่" หลังจากชะงักชั่วครู่เขาก็พูดขึ้นว่า "ได้ยินมาว่าลูกชายของเจ้ากรมกลาโหม ชื่อหวังจิ้นฮวนใช่ไหม? เด็กคนนั้นข้าเคยพบ แม้ว่าจะปฏิบัติตัวได้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก แต่เนื้อแท้ก็เป็นคนดี ตอนนี้ยังได้ช่วยเจ้าไว้อีก เจิ้นจะต้องตบรางวัลให้เขาอย่างงาม"
หยุนชางพยักหน้า "ควรให้รางวัลอย่างงามเพคะ"
"ตอนนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่พอดี เจิ้นจะให้ขันทีเจิ้งไปเรียกหวังจิ้นฮวนเข้าวัง เมื่อเข้าช่วยเจ้าไว้ เจ้าก็ต้องขอบคุณเขาให้ดี" จักรพรรดิหนิงพูดพลางเดินไปที่ประตูและสั่งหัวหน้าขันทีอยู่สองสามประโยค
หยุนชางอ้าปาก รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นางก็ไม่ได้ขัดขวาง
ทั้งคู่สนทนาคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ขันทีเจิ้งก็เดินเข้ามาและกล่าวว่า "ทูลฝ่าบาท งานเลี้ยงจัดที่อุทยานหลวงพร้อมแล้ว คุณชายหวังก็มาถึงประตูวังแล้ว มาพร้อมกับจิ้งอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหนิงตะลึงไปเล็กน้อย แล้วจึงตรัสอย่างงุนงงว่า "ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องกับหวังจิ้นฮวนผู้นี้จะมีความสัมพันธ์ไม่เลวทีเดียว ก็ดี เจิ้นก็ไม่ได้เจอจิ้งอ๋องมาสองวันแล้ว พอดีให้เขามาดื่มเป็นเพื่อนเจิ้น ชางเอ๋อร์ ไปกันเถอะ"
หยุนชางนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง งานเลี้ยง? ต้องยิ่งใหญ่เพียงนี้เชียวหรือ? เพียงแค่มีราชโองการและให้รางวัลก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือ? เพียงเห็นท่าทางกระตือรือร้นของจักรพรรดิหนิง หยุนชางจึงไม่ได้พูดอะไรและไปที่อุทยานหลวงกับเขา
เมื่อพวกเขามาถึงอุทยานหลวง หวังจิ้นฮวนและจิ้งอ๋องก็รออยู่ก่อนแล้ว เมื่อทั้งสองพบจักรพรรดิหนิงก็ทำความเคารพ จักรพรรดิหนิงให้พวกเขานั่งลง หยุนชางจึงพบว่าแม้ว่าหัวหน้าขันทีเจิ้งจะบอกว่าเป็นงานเลี้ยง แต่ดูเหมือนว่าจะพวกเขามีเพียงสี่คนเท่านั้น
จักรพรรดิยิ้มพลางกล่าวว่า "เจิ้นได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหวงเฉิงฝู่และชางเอ๋อร์พูดแล้ว เมื่อวานโชคดีมากที่มีจิ้นฮวนอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นชางเอ๋อร์คงตกอยู่ในอันตรายมาก วันนี้ข้าที่เป็นพ่อของชางเอ๋อร์ขอขอบใจจิ้นฮวนที่มีบุญคุณช่วยนางไว้"
ดวงตาของหวังจิ้นฮวนเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อ หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงหาเสียงของตัวเองเจอ "ฮ่าฮ่า" เขาหัวเราะออกมาสองสามทีและรีบพูดว่า "นี่เป็นสิ่งที่หม่อมฉันควรทำอยู่แล้ว ควรทำอยู่แล้ว"
หยุนชางหยิบเนื้อเชอร์รี่ขึ้นมาชิ้นหนึ่งและกินคำเล็กๆราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง หลังจากรับประทานเสร็จแล้ว นางก็พูดช้าๆว่า "เสด็จพ่อทรงทำเช่นนี้คนอื่นกลัวหมดแล้ว"
จักรพรรดิหนิงจนคำพูด เขามองหยุนชางและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "กินเถอะ" และหันศีรษะไปพูดกับจิ้งอ๋อง "เจ้าไม่ได้เข้าวังมาดื่มเป็นเพื่อนข้านานแล้ว"
จิ้งอ๋องหยิบจอกเหล้าขึ้นมาเทเหล้าให้ตนเองและหันไปคารวะเหล้าต่อจักรพรรดิหนิง เงยศีรษะขึ้นดื่ม "เป็นความผิดของหม่อมฉัน เสด็จพี่โปรดให้อภัย ต่อไปหากท่านต้องการดื่มก็ทรงเรียกได้ตามใจ ข้าจะมาทันที"
หวังจิ้นฮวนเห็นว่าในที่สุดความสนใจของจักรพรรดิหนิงก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาแล้ว เขาจึงถอนหายใจออกมาและเริ่มกินอาหาร แต่กลับไม่ได้คิดว่าหลังจักรพรรดิหนิงพูดคุยกับจิ้งอ๋องสักพักก็หันมามองเขาอีกครั้ง "หวังจิ้นฮวนอายุสิบเก้าปีนี้ใช่ไหม? ยังไม่ได้แต่งงาน?"
หวังจิ้นฮวนรีบวางตะเกียบลงและพูดว่า "หม่อมฉันเพิ่งอายุครบสิบเก้า ยังไม่ได้แต่งงาน"
จักรพรรดิหนิงผงกศีรษะและมองหยุนชางที่สงบเสงี่ยม พลางหัวเราะเบาๆและกล่าวขึ้น "ปีนี้ชางเอ๋อร์ก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ถึงเวลาหาราชบุตรเขยแล้ว"
"แค่กๆๆ..." หยุนชางได้ยินคำพูดนั้นก็สำลักขึ้นทันที ฉิงยีที่อยู่ด้านข้างจึงรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนชางจึงสงบลง หากจักรพรรดิหนิงพูดจนถึงขนาดนี้แล้วนางยังฟังจุดประสงค์ของเขาไม่ออกอีกก็คงจะทึ่มเกินไปแล้ว
หยุนชางเช็ดปากอย่างสง่างามและยิ้ม "เสด็จพ่อ ท่านรีบส่งข้าออกไปแต่งงานเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่ชางเอ๋อร์อาจทำตามพระประสงค์ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าทำนายดวงชะตาให้ข้า บอกว่าชางเอ๋อร์ไม่สามารถแต่งงานก่อนอายุครบสิบแปดได้ มิฉะนั้นจะทำให้มีเรื่องเลือดตกยางออกได้นะเพคะ" หยุนชางพูดพลางหันไปหาฉิงยีและกล่าวว่า "จริงสิ คำทำนายที่ท่านอาจารย์อู๋น่าเขียนขึ้นอยู่ที่ไหน? ข้าจำได้ว่าเอาลงจากเขามาด้วยนี่?"
ฉิงยียิ้มบางๆ "ข้ากลัวว่าองค์หญิงจะวางของตามใจชอบและจะทำมันหาย ข้าจึงพกมันติดตัวไว้เสมอ" ฉิงยีพูดและหยิบมันออกมาจากแขนเสื้อของนาง ส่งแผ่นหนังให้หยุนชาง หยุนชางเปิดออกดูแล้วยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็ยื่นให้จักรพรรดิหนิง "เสด็จพ่อ ท่านยังจำลายมือของเจ้าอาวาสอู๋ได้ใช่ไหมเพคะ อย่าบอกว่าชางเอ๋อร์โกหกเชียว"
จักรพรรดิหนิงรับแผ่นหนังมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งและพินิจดูอย่างละเอียด ผ่านไปอยู่นานจึงถอนหายใจออกมาอย่างโมโห "เป็นเช่นนั้นจริงๆ"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "เสด็จพ่อ ท่านคงจะไม่เกลียดชางเอ๋อร์มากนักใช่ไหมเพคะ ถึงได้อยากให้ชางเอ๋อร์แต่งงานออกไปไวๆ หากเสด็จพ่อไม่ประสงค์จะพบชางเอ๋อร์ ชางเอ๋อร์ย้ายไปอยู่จวนองค์หญิงก็ได้ ได้ยินมาว่าทันทีที่ชางเอ๋อร์อายุครบ เสด็จพ่อก็ให้คนสร้างจวนทันที หรือมิเช่นนั้น เสด็จพ่อให้ชางเอ๋อร์ไปอยู่ที่ที่ดินพระราชทานก็ได้เพคะ ได้ยินว่าที่จินหลิงเขาสวยน้ำสวยคนก็ดี ชางเอ๋อร์ยังไม่เคยไปที่นั่นเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง