ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 69

ทันทีที่กลับมาถึงจวนองค์หญิง หยุนชางก็เดินไปที่เรืองของหัวจิ้งเพื่อบอกนางว่าเธอกลับมาแล้ว ทันทีที่เดินเข้าไปในประตู นางก็ได้ยินเสียงสิ่งของแตก "เพล้ง" จากด้านใน

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วคิดว่า "นี่เล่นละครอะไรอีกล่ะ" แล้วนางก็เดินเข้าไป

"องค์หญิงฮุ่ยกั๋วมาแล้วเพคะ" เมื่อสาวใช้ที่ยืนอยู่ที่ประตูเห็นหยุนชางนางก็รีบตะโกนขึ้นเสียงดัง

เสียงข้างในจึงเงียบลง หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและพูดกับสาวใช้ว่า "เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลับมาจากวัง เพียงจะมาบอกเสด็จพี่ว่าข้ากลับมาแล้ว เสด็จพี่กำลังทำอะไรอยู่หรือ หากไม่สะดวก ข้าค่อยมาก็แล้วกัน"

เสียงของหัวจิ้งดังมาจากข้างใน "ชางเอ๋อร์ เข้ามาสิ"

ทันทีที่หยุนชางเดินเข้ามาก็เห็นเศษของบนพื้น หยุนชางอึ้งไปและประหลาดใจเล็กน้อย "เสด็จพี่ เป็นอะไรไปเพคะ?"

หัวจิ้งทำเสียงขึ้นจมูกโดยไม่ตอบอะไร เพียงแค่ถามหยุนชางว่า "เจ้าคงมีความสุขที่ได้ไปที่วัง ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?"

หยุนชางมองดูสีหน้าขมวดคิ้วไม่พอใจของหัวจิ้งอย่างระมัดระวังแล้วพูดเสียงเบา "ไม่มีความสุขเลยสักนิด เสด็จพ่ออยากให้ชางเอ๋อร์แต่งงานกับคุณชายหวังจิ้นฮวนอะไรนั่น แค่มองท่าทางเอ้อระเหยลอยชายของเขาแล้วชางเอ๋อร์ไม่ชอบเลยสักนิด โชคดีที่ชางเอ๋อร์นุกได้ว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าเคยทำนายให้ข้าได้ บอกว่าชางเอ๋อร์ไม่ควรแต่งงานก่อนอายุสิบแปด ไม่อย่างนั้นจะเกิดโศกนาฏกรรมนองเลือด พอเสด็จพ่อเห็นลายมือของเจ้าอาวาสอู๋น่าแล้วจึงไม่ได้บังคับชางเอ๋อร์อีก"

เมื่อได้ยินคำพูดนั้นหัวจิ้งก็ขมวดคิ้ว หวังจิ้นฮวนคนนั้นและจิ้งอ๋องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หากหยุนชางแต่งงานกับหวังจิ้นฮวนอะไรนั่นก็จะมีจิ้งอ๋องเป็นที่พึ่งเพิ่มมาอีก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นผลดีสำหรับนาง เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว หัวจิ้งจึงรีบดึงหยุนชางและกล่าวว่า "หวังจิ้นฮวนนั่นไม่ใช่คนที่จะเป็นตัวเลือกสามีที่ดีเลย ได้ยินมาว่าวันนี้ที่เขายังไม่ได้แต่งภรรยา แต่เขากลับมีอนุมากมาย คนหลายใจเช่นนี้ หากเจ้าแต่งงานด้วยล่ะก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน"

หยุนชางพยักหน้า "ใช่แล้ว แม้ว่าหวังจิ้นฮวนจะช่วยชีวิตข้า แต่ก็ไม่ถึงกับต้องยกชีวิตให้" หลังจากหยุดไปชั่วครู่ นางก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองหัวจิ้งอย่างระมัดระวัง "เสด็จพี่ ข้าเห็นว่าท่านดูอารมณ์ไม่ดีนัก ใครมาทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือ?"

หัวจิ้งเหลือบมองหยุนชางและขมวดคิ้ว "เมื่อวานนี้ที่พระรูปนั้นทำนายอักษรให้แม่สามีของข้า วันนี้กลับลือไปทั้งเมืองว่าลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสอู๋น่าทำนายว่าข้ามีดวงกินสามีและยังพูดกันอีกว่าข้าใจดำกับแม่สามี"

"หา? หยุนชางเบิกตากว้างมองไปที่นาง "แต่เมื่อวานนี้มีพวกเราเพียงไม่กี่คนเท่านั้น คนชั่วร้ายคนไหนกันแน่ที่เป็นคนแพร่ข่าวไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เสด็จพี่ พวกเราจะปล่อยมันไปง่ายๆไม่ได้"

หัวจิ้งจ้องมองหยุนชางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "เมื่อครู่ข้าให้คนไปสืบดูแล้ว เป็นพ่อบ้านเองที่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับภรรยาของเขา พอภรรยาของเขาออกไปตลาดในตอนเช้าเข้าก็กระจายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้"

"อย่างนั้นหรือ?" หยุนชางหลุบตาลงเพื่อปกปิดประกายแวววาวในตาของนาง "แล้วเสด็จพี่จะทำอย่างไร?" หยุนชางถามขึ้นอีกครั้ง

"ทำอย่างไรน่ะหรือ?" หัวจิ้งแค่นเสียงเย็นชา "ข่าวลือจะยุติลงที่ผู้ทรงปัญญา* หากข้ารีบออกไปชี้แจงตอนนี้ ไม่แน่ว่าบางทีอาจทำให้ข่าวลือยิ่งแพร่สะพัดหนักขึ้นไปอีก ข้าได้ส่งคนไปสืบข่าวของสวามีของข้าที่ชายแดนแล้ว หากนำข่าวว่าเขายังอยู่รอดปลอดภัยกลับมาเมื่อไหร่ ตอนนั้นข่าวลือนี่ก็คงถูกทำให้เงียบไปเอง" (*สำนวนจีน หมายถึง ผู้มีปัญญาจะรู้จักแยกแยะและไม่นำไปนินทาต่อ)

หยุนชางรีบยิ้มอย่างรวดเร็ว "เสด็จพี่กล่าวถูกต้องแล้ว คนพาลเช่นนี้พวกเราอย่าไปหาความด้วยเลย ถึงเวลาพวกเราใช้ข้อเท็จจริงมาพูดกันดีกว่า ทางฝั่งฮูหยินนั้นกลับชอบพระคัมภีร์ที่ชางเอ๋อร์ส่งไป เดี๋ยวช่วงนี้ชางเอ๋อร์จะไปหานางบ่อยๆและพูดสิ่งดีๆเสียหน่อย เมื่อครอบครัวสมัครสมานทุกอย่างจึงจะมีความสุข เพียงแค่ฮูหยินยอมรับท่านพี่ ข่าวลือภายนอกก็ไร้ความหมาย"

หัวจิ้งพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ตอบอะไร นางกุมขมับสีหน้าท่าทางเหนื่อยอ่อน เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนชางจึงรีบพูดว่า "ในเมื่อเสด็จพี่กำลังยุ่ง เช่นนั้นชางเอ๋อร์จะออกไปก่อนก็แล้วกัน"

เมื่อหัวจิ้งได้ยินเสียงฝีเท้าของหยุนชางค่อยๆหายไปจึงคลี่ยิ้มเย็นชา "คิดไม่ถึงเลย ข้าอยู่ในจวนนี้มาตั้งหลายปีแล้วแต่กลับสู้คัมภีร์ห่วยๆที่นางมอบให้ไม่ได้ หยุนชางอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่กลับรู้วิธีซื้อใจคน ต่อไปนางจะไม่ร้ายกาจมากหรือ? คนเช่นนี้เก็บไว้ก็มีแต่จะเป็นผลร้ายต่อข้า จะต้องกำจัดนางโดยเร็วที่สุด หนึ่งวันที่ยังกำจัดนางไม่ได้ ใจข้าก็ยากที่จะสงบ"

ชิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังตอบอย่างรวดเร็วว่า "เพคะ ข้าเข้าใจแล้ว"

เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็ถึงเวลางานเลี้ยงที่หัวจิ้งจัดขึ้น เพื่องานเลี้ยงนี้หัวจิ้งลงแรงกายแรงใจไปอย่างมาก ตามที่นางได้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การจัดเตรียมทุกขั้นตอนนางก็ให้หยุนชางได้มีส่วนร่วมทั้งหมด งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นที่หอเฉี่ยงซิน หอเฉี่ยงซินนั้นเป็นเรือนพักตากอากาศ ว่ากันว่าทิวทัศน์สวยงามแต่กลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เยี่ยมชม หลายคนต้องการมาชมความงามนี้ อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าหัวจิ้งใช้วิธีการใดจึงสามารถใช้หอเฉี่ยงซินเพื่อจัดงานเลี้ยงนี้ได้ ทำให้หลายคนก็ต่างมาด้วยความคาดหวัง

โดยทั่วไปแล้วงานเลี้ยงนี้จะจัดขึ้นตอนเที่ยง แต่หัวจิ้งกำหนดเวลาไว้เป็นตอนเช้า หยุนชางจึงตื่นแต่เช้าตรู่และตามหัวจิ้งมาที่หอเฉี่ยงซินเพื่อทำการตรวจงานรอบสุดท้าย

เมื่อฟ้าเริ่มสว่างก็มีคนมา หยุนชางส่งคนพาพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องกลางสวนไผ่ เมื่อรอจนทุกอย่างพร้อมแล้วจึงไปเชิญแขกเข้ามาที่ทะเลสาบกลางหอเฉี่ยงซิน น้ำในทะเลสาบจับเป็นน้ำแข็งและปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆตลอดทั้งปี เมื่ออยู่ในนั้นรู้สึกราวกับอยู่บนแดนสวรรค์ซึ่งสอดคล้องกับหัวข้อหลักของหัวจิ้งสำหรับงานเลี้ยงนี้ - ความฝันชั่วชีวิต

แขกทยอยมาถึงทีละคน เสียงดนตรีเบาๆดังขึ้นท่ามกลางสายหมอก เป็นเพลงเหล่าเซียนโบยบิน

"ที่นี่สวยงามมาก..." หยุนชางได้ยินเสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดสายจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพูดกับฉิงยีว่า "ข้าไม่เข้าใจตรรกะของคนเหล่านี้เลย มองอะไรไม่เห็นเลยสักนิด มีอะไรสวยตรงไหนกัน? " ขณะที่กำลังพูดไปก็ได้ยินเสียงดังขึ้นขัด

"อ่า... ที่นี้ที่ไหนกัน? ลั่วชิงเหยียน เจ้ามาอยู่ใกล้ๆข้าหน่อย ข้าจะมองไม่เห็นเจ้าอยู่แล้ว ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย แล้วจะเล่นอะไรได้อย่างไรเนี่ย?"

เป็นหวังจิ้นฮวนนั่นเอง หยุนชางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คนผู้นี้ช่างทำลายบรรยากาศได้เก่งเสียจริง แต่ว่าเมื่อกี้ดูเหมือนเขากำลังเรียก... ลั่วชิงเหยียน? ลั่วชิงเหยียนไม่ใช่ชื่อของจ้องอ๋องหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าจิ้งอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย?

หยุนชางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิ้งอ๋องไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงชมวิวทิวทัศน์เหล่านี้เลยไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆถึงมาได้?

"องค์หญิง ทางนี้เพคะ องค์หญิงหัวจิ้งรอท่านอยู่ที่ศาลากลางน้ำแล้ว" สาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหานาง เมื่อเห็นหยุนชางนางก็โล่งใจ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก

หยุนชางจึงรู้สึกตัวและพยักหน้า "ดี ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"

เมื่อมาถึงศาลากลางน้ำแล้ว แม้แต่หยุนชางก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม เมื่อครู่ราวกับถูกผ้าบางๆบังตาไว้ ตอนนี้นางมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนแล้ว เพียงแต่มีเฉพาะศาลากลางน้ำนี้เท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจน เมื่อมองไปรอบๆอีกครั้งก็ดูเหมือนมีบางสิ่งกั้นไว้ ด้านนั้นมีหมอกปกคลุมอยู่ ความรู้สึกนี้เหมือนดังตัวนางอยู่ในก้อนเมฆ

"ชางเอ๋อร์ งานจะเริ่มแล้ว ยังไม่รีบมาอีก?" หัวจิ้งกวักมือเรียกหยุนชาง หยุนชางพยักหน้าและเดินไปทางหัวจิ้ง "เสด็จพี่ ที่นี่สวยงามมากจริงๆ เมื่อครู่ข้าอยู่ในสายหมอก ที่นี่ดูรากับว่าไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน แต่สามารถมองเห็นหมอกนั่นได้... "

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ ใช่แล้ว หยุนชางตระหนักได้ทันทีว่าตนเองยืนอยู่ที่นี่ สามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางของคนที่อยู่ในหมอกได้อย่างชัดเจน เพียงแต่หากไม่ใส่ใจก็คงไม่รู้

หัวจิ้งยิ้มเล็กน้อย "นี่จึงเป็นที่ที่มหัศจรรย์ที่สุด เอาล่ะ แขกกำลังจะมาแล้ว เจ้าไปนั่งก่อนเถอะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง