พอได้ฟัง ฮวาอวี้ถงถอนหายใจเบาๆ "เป็นเช่นเดียวกับรุ่ยอ๋อง ยังไม่ฟื้นเลย กั๋วกงฮูหยินก็กังวลใจมาก เมื่อวานข้าได้ไปที่จวนกั๋วกง กั๋วกงฮูหยินก็ดูซูบผอมไปมาก ผมขาวขึ้นไม่น้อยเลย โชคดีที่ลูกๆของฮวากั๋วกงต่างก็กตัญญู พวกเขาต่างก็ผลัดกันดูแลท่านกั๋วกงทุกวัน จนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย"
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ เงยหน้ามองไปที่ฮวาอวี้ถง เห็นว่าฮวาอวี้ถงก็กังวลเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ถามว่า "ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าห่อเหี่ยวกว่าข้า เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
ฮวาอวี้ถงรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาทันที แต่นางก็ยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความขมขื่น หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดว่า "เดิมข้าอยากมาพบชางเอ๋อร์ แต่ข้ากลับ..."
หยุนชางมองดูนางโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ริมฝีปากของฮวาอวี้ถงสั่นเล็กน้อย และนางก็เงียบไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยปากพูด "เมื่อคืนนี้ ท่านอ๋องไม่กลับมาทั้งคืน ท่านอ๋องสุขถาพไม่ดี ข้าจึงกังวล เกือบทั้งคืนที่ไม่ได้นอน ข้าตั้งใจรอที่ลานบ้านในเช้าวันนี้ รอจนกว่าท่านอ๋องกลับมาถึง แต่…"
ฮวาอวี้ถงก้มศีรษะลง กัดริมฝีปากแล้วพูด "แต่ว่ามีหญิงงามอยู่ข้างกายเขา ข้าเห็นว่าเขามีท่าทีที่สนิทสนมกับหญิงสาวนางนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม…"
หยุนชางผงะไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองฮวาอวี้ถง ฮวาอวี้ถงดูเหมือนจะสังเกตเห็นการจ้องมองของหยุนชาง จึงฝืนยิ้มก่อนจะพูดต่อ "ข้ารู้ตัวว่าข้าไม่ใช่คนใจแคบที่ไม่สามารถยอมรับผู้อื่นได้ พระชายารองหลิ่วแต่งเข้าจวนกับข้าในวันเดียว ข้าก็ทนรับในใจแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องเจ็ดพาหญิงคนหนึ่งกลับมาที่จวน ข้าก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจึงไปถามท่านอ๋องด้วยตัวเองว่าจะให้นางพักที่ห้องไหน"
มุมปากของฮวาอวี้ถงตกลงเล็กน้อย ราวกับว่านางไม่สามารถแบกรับรอยยิ้มนั้นได้ "ท่านอ๋องเจ็ดมองมาที่ข้าในตอนนั้น มันค่อนข้างเย็นชา ตอบอย่างไม่แยแสว่า ไม่ต้องกังวล หญิงคนนั้นจะพักในห้องเดียวกับข้า"
หยุนชางยกมือขึ้นตบหลังฮวาอวี้ถงเบาๆ ฮวาอวี้ถงลืมตาขึ้น น้ำตาร่วงหล่นลงทีละหยด ลมหายใจของนางก็ไม่ค่อยคง "ชางเอ๋อร์ ข้าทำอะไรผิดอีกแล้วหรือ?"
หยุนชางถอนหายใจ พูดปลอบใจไม่กี่คำ แต่นางก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้นางเป็นแค่คนนอก ไม่ว่าจะพูดความจริงมากแค่ไหน ถ้าหัวใจของฮวาอวี้ถงไม่สามารถผ่านอุปสรรคนี้ได้ก็จะไร้ประโยชน์
โชคดีที่ฮวาอวี้ถงเศร้าโศกเพียงครู่เดียว แล้วเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้หยุนชาง กัดริมฝีปากของนางแล้วพูดว่า "ข้ามิเป็นไร เพียงแค่รู้สึกไม่เป็นธรรมเล็กน้อย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชิน"
ฮวาอวี้ถงนั่งพักสักครู่ ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป วันนี้หยุนชางไม่ได้ออกจากห้อง ดังนั้นนางจึงตามฮวาอวี้ถงออกจากลานบ้าน และเดินในลานสักพักก่อนจะกลับห้อง
ไม่รู้ว่าลั่วชิงเหยียนลุกขึ้นนั่งตั้งแต่เมื่อไร นั่งอ่านหนังสืออยู่หลังโต๊ะ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นหยุนชางเข้ามา ดูเหมือนว่าเขาจะมองไปที่ท่าทีของหยุนชางก่อน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อยๆละสายตา แล้วพูดเบาๆ "โชคดีที่ข้ามีชางเอ๋อร์แค่คนเดียวในหลังจวนก็พอ มิฉะนั้น ถ้ามีหญิงมากเกินไป มานั่งร้องไห้ทั้งวันมันจะเป็นเยี่ยงไรกัน?"
หยุนชางประหลาดใจและเข้าใจขึ้นมา เกรงว่าลั่วชิงเหยียนจะได้ฟังการสนทนาของนางและฮวาอวี้ถงแล้ว หยุนชางจ้องไปที่ลั่วชิงเหยียนเบาๆ และพูดว่า "ผู้หญิงพูดสนทนากัน ท่านก็ยังแอบฟัง"
"แอบฟังอะไรกัน ข้ามิต้องการจะฟังด้วยซ้ำ แต่เสียงของพวกเจ้าไม่เบาเลย และฮวาอวี้ถงก็เอาแต่ร้องไห้ มันทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก" ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นหยุนชางหัวเราะ ลั่วชิงเหยียนก็ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดต่อไปว่า "ตอนที่เจ้าส่งฮวาอวี้ถงออกไป องครักษ์มาที่นี่ ได้รายงานว่าฮองเฮาแอบจัดเตรียมอะไรบางอย่าง ต้องการจะปองร้ายหนิงเชียน"
"โอ้?"หยุนชางเลิกคิ้ว "ตอนนี้หนิงเชียนตกเป็นเป้าหมายของทุกคนจริงๆ ภายในหนึ่งปี นางได้เลื่อนเป็นเซียงเฟย และกำลังมีทายาทฝ่าบาท เกรงว่าทุกคนในวังกำลังจ้องเขม้น มีเสิ่นซู่เฟยเป็นตัวอย่างก่อน ในขณะที่รากของหนิงเชียนยังตื้นอยู่ ดังนั้น ฮองเฮาย่อมต้องการกำจัดหนิงเชียนอย่างแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไม่รู้จบ แต่ไม่รู้ว่าฮองเฮาต้องการจะทำอะไรกันแน่…"
ลั่วชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองหยุนชาง จึงกล่าว "เรื่องของหนิงเชียน ทิศทางเจ้าผิดตั้งแต่แรกแล้ว หนิงเชียนต้องการมีชีวิตรอด และสิ่งที่นางต้องทำไม่ใช่ความคิดที่พยายามป้องกันฮองเฮา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง