หยุนชางนั่งเงียบๆ อยู่ในตำหนัก ไฉ่ยีเดินเข้ามาจากด้านนอก หลังจากเข้ามาในตำหนักแล้วนางก็หันศีรษะมองออกไปด้านนอกประตูด้วยสีหน้ากังวล "พระชายา นั่นไม่ใช่ฉีรุ่ยไห่แห่งกรมวังหรือเพคะ? เขามาทำไม? แล้วยังพาแม่นางเฉี่ยนจั๋วไปอีก"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อยและเพียงยกมุมปากยิ้มเย็น "เกรงว่าจะมีคนต้องการเล่นงานข้า เฉี่ยนจั๋วเป็นคนเดียวรอบตัวข้าที่มีวิทยายุทธ์ เดิมทีข้ามีสายลับมากมายรอบตัว แต่พวกเขาไม่อาจเข้าวังมาได้ ตอนนี้เฉี่ยนจั๋วที่มีวิทยายุทธ์ก็ถูกพาตัวไปอีก หากมีใครต้องการทำร้ายข้า ข้าก็คงไม่อาจจะตอบโต้ได้"
ไฉ่ยีดูแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า "ในวังนี้จะมีใครทำร้ายพระชายาได้อย่างไรเพคะ?"
หยุนชางยิ้มและลุกขึ้นยืน "ใครจะไปรู้เล่า? ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เจ้าไปชงชามาให้ข้าสักกาเถิด เอาชาผลไม้ ข้าตั้งครรภ์ไม่อาจดื่มชาอื่นได้ จริงสิ เจ้าคุ้นเคยกับนางกำนัลเหล่านั้น เจ้าให้คนไปสืบข่าวจากกรมวังว่าเฉี่ยนจั๋วเป็นอย่างไรบ้างแล้ว หวังว่าพวกเขาจะไม่ทรมานนาง"
ไฉ่ยีรับคำอย่างรวดเร็วและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ฉีรุ่ยไห่นั้นเป็นคนที่ชอบรังแกผู้อ่อนแอแต่ยำเกรงผู้ที่แข็งแกร่ง เมื่อครู่หม่อมฉันเห็นฉีรุ่ยไห่นอบน้อมต่อพระชายายิ่งนัก เขาคงไม่ทำอะไรแม่นางเฉี่ยนจั๋วหรอกเพคะ"
"ข้าก็หวังเช่นนั้น" หยุนชางขมวดคิ้วแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจและหมุนตัวเข้าสู่ตำหนักด้านใน นางคิดในใจว่านางกำนัลที่ชื่อไฉ่ยีผู้นี้แอบสังเกตท่าทางของนางกับฉีรุ่ยไห่จากนอกประตู เกรงว่าคำพูดนางคงจะไม่ได้น่าเชื่อถือนัก
ไฉ่ยีไม่รู้ว่าหยุนชางกำลังสงสัยในตัวนางและยังคงกล่าวต่อไปว่า "หม่อมฉันจะส่งคนไปดูที่กรมวังเพคะ" จากนั้นนางก็หันหลังออกจากตำหนักด้านในไป
หยุนชางเดินไปเอนกายลงที่เบาะด้วยคิ้วอันขมวดมุ่น เห็นได้ชัดว่าผู้อยู่เบื้องหลังรู้สถานการณ์ของนางเป็นอย่างดี พวกเขารู้ว่าเฉี่ยนจั๋วมีวิทยายุทธ์ ดังนั้นพวกเขาจึงจงใจมุ่งเป้าไปที่เฉี่ยนจั๋ว เพียงแต่จะเป็นผู้ใดกัน?
คงจะไม่ใช่ฮองเฮา หากเป็นนาง เมื่อครู่ก็คงใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ ไม่ใช่ไม่เอ่ยถึงแม้เพียงน้อย
ไม่นานไฉ่ยีก็นำน้ำชาเข้ามา นางรินชาให้หยุนชางแล้วย่อกายอีกครั้งก่อนจะออกไป หยุนชางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ แต่กลับถูกชาร้อนลวกที่ลิ้นของนาง หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ววางถ้วยชาลงแล้วกลืนชาที่อยู่ในปากลงไป
หลังจากนั้นไม่นานฉินยีก็กลับมา เมื่อเห็นหยุนชางนอนงีบอยู่บนเบาะก็ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ส่งเสียงอะไร แต่เมื่อหยุนชางได้ยินเสียงฝีเท้าของนางก็ลืมตาขึ้น "เป็นอย่างไรบ้าง"
ฉินยีรีบพูดว่า "หม่อมฉันไปสืบมาอย่างละเอียด หลังจากที่ฉีรุ่ยไห่ออกจากตำหนักเฉาเซี่ยก็ไปที่ตำหนักเว่ยยางและ..."
ฉินยีกำลังจะพูดต่อ แต่หยุนชางก็ขัดจังหวะคำพูดของฉินยีทันที "ข้ารู้แล้ว ชานี้เย็นไปหน่อย เจ้าไปชงชามาให้ข้าอีกครั้งเถอะ"
ฉินยีงุนงงเล็กน้อย แต่กลับเห็นหยุนชางจ้องไปที่ประตูด้วยแววตาเย็นชา นางจึงข่มความสงสัยไว้ในใจและหยิบกาน้ำชาเดินหันหลังออกจากตำหนักชั้นในไป
ฉินยีเดินออกจากตำหนักชั้นใน หยุนชางก็เดินตามออกไปเช่นกัน เขาเห็นไฉ่ยียืนอยู่ที่ประตูห้องโถงด้านนอกเงียบๆ แต่หยุนชางกลับเห็นกระโปรงของนางแกว่งไปมาเล็กน้อย ในใจของนางก็ยิ่งรู้สึกเย็นเยียบ หยุนชางยืนอยู่ที่ตำหนักด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นฉินยีเดินเข้ามาจึงมองไปที่ไฉ่ยีแล้วพูดว่า "ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้หญ้าในลานตำหนักกลับมีน้ำค้างจับแข็ง ก่อนหน้านี้เกือบจะลื่นล้ม ไฉ่ยี เจ้าพาคนไปกำจัดน้ำค้างแข็งเหล่านั้นเสียหน่อยเถอะ"
ไฉ่ยีเห็นดังนั้นก็รีบหันมาย่อกายคำนับ "เพคะ"
หยุนชางไม่ได้มองนางอีก นางหันกลับเข้าไปในตำหนักด้านในพร้อมฉินยี เพียงแต่สิ่งแรกที่นางทำหลังจากเข้าไปด้านในตำหนักก็คือการเปิดหน้าต่างออก หยุนชางยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองออกไปก็เห็นไฉ่ยียืนอยู่ที่ลานหน้าตำหนัก สั่งให้ข้ารับใช้ใช้ไม้กวาดกวาดน้ำค้างแข็งบนพื้นหญ้าแล้วสั่งให้คนนำขี้เถ้ามาโรยบนทางเดินที่เปียกชื้น
หลังจากที่ไฉ่ยีให้คนไปนำขี้เถ้ามาแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองมายังตำหนักด้านใน สายตาของนางสบเข้ากับสายตาของหยุนชางพอดี ไฉ่ยีผงะไปแล้วจึงรีบหันกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง