ผ่านไปครู่หนึ่งม่านลูกปัดจึงถูกแหวกออก หมอหลวงสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย เขารีบเข้ามาคุกเข่าหน้าเซี่ยหวนอวี่และเอ่ยเสียงเบา "ฝ่าบาทโปรดอภัย หม่อมฉันพยายามสุดความสามารถแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถรักษาเด็กในท้องของเซียงเฟยไว้ได้"
นางกำนัลในตำหนักนำอ่างที่เต็มไม่ด้วยเลือดออกไปจากตำหนักอย่างรวดเร็ว
หน้าผากของเซี่ยหวนอวี่มีเส้นเลือดปูดโปนอยู่รางๆ ครู่ใหญ่เขาจึงตบโต๊ะเสียงดัง ยกเท้าถีบหมอหลวงที่กำลังคุกเข่าอยู่จนล้มไป สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "ทหาร นำตัวหมอหลวงไร้ความสามารถผู้นี้ออกไป"
องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกรีบเข้ามาหิ้วปีกหมอหลวงผู้โชคร้ายออกไป
เซี่ยหวนอวี่ลุกขึ้นยืนแล้วแหวกม่านลูกปัดเข้าไปด้านใน ผู้คนในตำหนักชั้นในต่างก็ออกไปหมดแล้ว ในตำหนักเหลือเพียงกลิ่นคาวเลือด หนิงเชียนนอนอยู่ตนเตียง สีหน้าของนางยังคงซีดเซียว นางได้สติขึ้นแล้วแต่ดูคล้ายกับกำลังเหม่อลอย
เซี่ยหวนอวี่เดินไปนั่งที่ขอบเตียง ทั้งสองเงียบไปชั่วอึดใจ จากนั้นเซี่ยหวนอวี่จึงเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ "ลูกของเจ้าไม่อยู่แล้ว"
หนิงเชียนหันไปมองเซี่ยหวนอวี่ด้วยสายตาสงบนิ่ง ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากขึ้น "ทำไม?"
เซี่ยหวนอวี่กลับไม่ได้ตอบคำถามของนางแต่เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า "เจ้ายังอายุน้อย ต่อไปยังมีลูกได้อีก"
หนิงเชียนเพียงหัวเราะเบาๆ แต่น้ำเสียงนั้นกลับสงบ "ฝ่าบาท เมื่อครู่หม่อมฉันรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา"
เซี่ยหวนอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไป ดวงตาพลันฉายแววอำมหิต จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้ามองหนิงเชียน "เซียงเฟย เจ้ารู้หรือไม่ว่าได้พูดอะไรออกมา?"
หนิงเชียนก็เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหวนอวี่เช่นกัน "ฝ่าบาทคงได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อครู่หม่อมฉันตื่นอยู่ตลอด ทำไมหรือ ฝ่าบาทอยากขับหม่อมฉันเข้าสู่ตำหนักเย็น?"
เซี่ยหวนอวี่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น "เจิ้นไม่ชอบคนที่ถือว่าตนฉลาด"
หนิงเชียนก้มหน้าลงแล้วยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม "หม่อมฉันก็ไม่ชอบถือว่าตนฉลาด หม่อมฉันเพียงอยากถามฝ่าบาทว่าเพราะเหตุใด?"
เพียงแต่หนิงเชียนยังไม่ได้ฟังคำตอบของเซี่ยหวนอวี่ก็กลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากหลังคอ แล้วจึงไม่รู้สึกตัวอีก
เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่านางกลับมาที่ตำหนักเซียงจู๋แล้วและกำลังนอนอยู่บนเตียงในตำหนัก ยามนี้น่าจะเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว แสงแดดข้างนอกหน้าต่างค่อนข้างสลัว
"เฉี่ยนซิน" หนิงเชียนหัวใจบีบแน่น นางเรียกสาวใช้พลางคิดในใจว่าเหตุใดเซี่ยหวนอวี่จึงไม่ฆ่าปิดปากนาง นางฆ่านางแล้วใช้สาเหตุที่นางแท้งลูกเสียเลือดมากเป็นข้ออ้าง คนอื่นก็จะไม่สงสัย
แว่วเสียงฝีเท้ามาจากประตูตำหนัก หนิงเชียนขมวดคิ้ว ในใจแอบมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก ไม่ใช่เฉี่ยนซินแต่เป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไม่เบาเลย
ม่านกั้นประตูถูกแหวกออก หญิงสาวในชุดนางกำนัลเดินเข้ามาย่อกายคำนับอยู่ข้างเตียง "เซียงเฟยเหนียงเหนียง แม่นางเฉี่ยนซินถูกย้ายไปที่ตำหนักอื่นเพคะ ท่านเพิ่งแท้งลูก ร่างกายอ่อนแอ ฝ่าบาทจึงให้หม่อมฉันมาดูแล หม่อมฉันชื่อชิงไต้เพคะ"
หนิงเชียนประเมินนางกำนัลตรงหน้าอย่างละเอียด นางเงียบไปชั่วอึดใจแล้วจึงกล่าวเบาๆ "ชิงไต้ ชื่อเพราะดี"
ชิงไต้สีหน้าเย็นชาและไม่ได้ถูกคำพูดนั้นทำให้ประทับใจ นางเพียงก้มหน้ารับคำเล็กน้อย "ขอบพระทัยเพคะพระสนม"
หนิงเชียนเก็บสายตากลับมาอย่างเฉยเมย "ฝ่าบาทได้บอกหรือไม่ว่าข้าจะต้องพักฟื้นไปอีกนานเท่าใด?"
ชิงไต้ตอบว่า "ฝ่าบาทไม่ได้บอกเพคะ เพียงแต่แท้งลูกต้องพักฟื้นและบำรุงอย่างดี หากมีเหลือรอยโรคไว้ย่อมไม่ดีแน่ อย่างน้อยก็ต้องอยู่เดือนบ้างเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง