เมื่อชิงไต้กลับมาถึงตำหนักเซียงจู๋ หนิงเชียนก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเบาะ ท่าทางยังเหมือนก่อนที่นางจะไปไม่มีผิดเพี้ยนราวกับไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด ไป๋ซูยืนอยู่ด้านข้างหนิงเชียน นางหันมามองด้วยแววตาสดใสเมื่อเห็นว่าชิงไต้เดินเข้ามา "พี่ชิงไต้กลับมาแล้วหรือ?"
ชิงไต้เห็นหนิงเชียนขมวดคิ้วน้อยๆ ราวกับไม่พอใจที่ไป๋ซูส่งเสียงขึ้น ในใจก็แอบลอบเย้ยหยัน นางเงยหน้าขึ้นกล่าวกับไป๋ซูว่า "เจ้าไปเถอะ"
ไป๋ซูพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง ย่อกายคำนับหนิงเชียนแล้วจึงออกจากตำหนักไป
หลังไป๋ซูจากไปแล้วในตำหนักก็เงียบลง ชิงไต้ยืนอยู่โดยไม่เอ่ยคำพูดใด หนิงเชียนพลิกหนังสืออ่านอย่างไม่ใส่ใจ ไม่นานก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก
ชิงไต้เหลือบมองหนิงเชียนก็เห็นว่านางเหมือนจะผล็อยหลับไปแล้ว มือที่ถือหนังสืออยู่ตกลงไปอีกทาง คิ้วของนางจึงขมวดเล็กน้อย
ชิงไต้ยืนอยู่เช่นนั้นอีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหนิงเชียนไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นและเห็นว่าอีกครู่ก็จะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วจึงเดินออกไปเตรียมอาหาร
ภายในตำหนักเซียงจู๋เงียบสงัด นอกจากเซียงเฟยแล้วทุกสิ่งล้วนสงบนิ่ง ผ่านไปครึ่งวันแล้วก็ยังไม่ได้พูดเลยสักประโยคเดียว นอกจากไม่พูดแล้วก็ไม่ได้มีอย่างอื่นผิดแผกไปอีกดังนั้นชิงไต้จึงไม่ได้ใส่ใจ
อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ในวังกลับเยือกเย็นกว่ายามปกติเล็กน้อย ฮองเฮากำลังพักฟื้นจากอาการป่วย สนมและนางในในวังหลังถูกดูแลโดยเซียงเฟยและซู่เฟย แต่คิดไม่ถึงว่าเซียงเฟยจะแท้งบุตรในตำหนักเว่ยยาง
ฝ่าบาททรงพิโรธเป็นอย่างมากจึงสั่งให้คนจับตัวข้ารับใช้ในวังเว่ยยางไป ฮองเฮาถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนัก เซียงเฟยแท้งบุตรจึงต้องพักฟื้นอยู่เดือน ฝ่าบาทรับสั่งไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน ชั่วพริบตาในวังหลังก็เหลือเพียงซู่เฟยที่เป็นใหญ่อยู่เพียงคนเดียว ช่างเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดนึกถึงเลย
การจัดเตรียมงานบวงสรวงวันวสันตวิษุวัตจึงได้ตกมาเป็นหน้าที่ของซู่เฟยอย่างช่วยไม่ได้
โชคดีที่นางอาศัยอยู่ในวังมานานหลายปี ทั้งยังเคยช่วยฮองเฮาจัดเตรียมงานเหล่านี้มาไม่น้อย แม้ว่าจะยุ่งวุ่นวายไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
วันบวงสรวงนั้น เหล่าขุนนางทุกฝ่ายต่างก็มาชุมนุมกันที่หอสักการะฟ้าแต่เช้าเพื่อรอเข้าร่วมพิธีบวงสรวง
ปีนี้เป็นเพราะฮองเฮาไม่อาจเข้าร่วมงานได้จึงมีเซี่ยหวนอวี่และซู่เฟยเป็นประธานในพิธี
หอสักการะฟ้าอยู่นอกพระราชวัง ตำแหน่งที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างพระราชวังไปยังประตูทางทิศใต้พอดี เซี่ยหวนอวี่และเสิ่นซู่เฟยจึงขึ้นรถม้าไปดื่มอวยพรทักทายชาวเมืองที่กำแพงเมืองก่อนแล้วจึงค่อยไปยังหอสักการะ
เมื่อถึงฤกษ์ดีที่กำหนดไว้ เซี่ยหวนอวี่และเสิ่นซู่เฟยก็เดินขึ้นบันไดของหอสักการะไปทีละก้าว
บนหอสักการะมีพระสิบกว่ารูปนั่งสวดมนต์ล้อมกันเป็นวงกลม
เซี่ยหวนอวี่เดินขึ้นไปยังจุดสูงสุดของหอแล้วจึงรับธูปมาจากผู้ทำพิธี เขาหมุนตัวกลับมาคำนับฟ้าดินแล้วจึงปักธูปลงในกระถางธูป
ผู้ดำเนินพิธีนำถังเหล้ายื่นให้เซี่ยหวนอวี่ เซี่ยหวนอวี่เม้มปากเล็กน้อยแล้วจึงตักเหล้าขึ้นมาชิม จากนั้นก็ใช้กิ่งหลิ่วชุบเหล้าในถังแล้วพรมลงบนพื้นดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง