เฉี่ยนจั๋วพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันรีบร้อนกล่าวว่า "พระชายาเพคะ ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด. อ๋องเจ็ดหนีออกมาได้เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมาปลอมตัวปะปนอยู่กับราษฏรเป็นแน่ เมืองหลิงซีจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่มากนัก. หากจะว่าเล็กก็ไม่เล็กอีกเช่นกัน ราษฏรยังมีอีกเป็นแสนคน การใช้เวลาหาภายในครึ่งชั่วยามนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากนะเพคะ"
ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดงั้นหรือ? หยุนชางพลันยิ้มขึ้นมาในทันที. สายตาเต็มไปด้วยควมเย็นชากล่าวว่า "ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว"
หยุนชางพูดจบ พลันหันกายกลับไปหาเฉี่ยนจั๋วว่า "ส่งคนให้ไปบอกกับใต้เท้าจางว่าให้ปิดประตูเมือง. ควบคุมคนเข้าออกให้ดี"
"ประตูเมือง? "เฉี่ยนจั๋วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หากแต่มิได้ถามอะไรมากนัก พลันรีบร้อนรับคำและวิ่งออกไปจากห้องไป
ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด. อ๋องเจ็ดแหกคุกหลวงออกมาได้เช่นนี้ เขาย่อมต้องรู้ว่านางมาที่เมืองหลิงซีแล้ว หากเป็นไปตามที่นางคาดการณ์ไว้ละก็ เขาต้องคิดว่านางจักต้องไปให้ความสำคัญกับในตัวเมืองอย่างแน่นอน เพราะว่า เขาจะเลือกครึ่งชั่วยามแรกในการหลบหนีออกจากเมืองไป
เฉี่ยนจั๋วออกไปได้ไม่นาน หยุนชางจึงไม่มีอารมณ์จะนอนต่อในทันที จึงลุกขึ้นยืน พร้อมเดินออกจากห้องไป พลันเห็นจ้าวฮูหยินยืนอยู่นอกประตูแล้ว สายตาจับจ้องไปยังด้านนอก เมื่อเห็นหยุนชางเดินออกมา จึงหันหน้ากลับไปหาหยุนชางพร้อมถามด้วยสายตาที่งุนงงว่า "เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ? "
หยุนชางพยักหน้าเพียงเล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาว่า "อ๋องเจ็ดหนีไปได้แล้ว"
จ้าวฮูหยินชะงักไปเล็กน้อย พลันถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ผู้คุมเยอะขนาดนั้น เขายังหนีออกมาได้"
หยุนชางมิได้เอ่ยอันใดออกมา เพียงแย้มยิ้มกล่าวต่อไปว่า "หนีออกมาแล้วก็ยังหนีไปไม่ได้เช่นนี้. กลัวอะไรกัน"
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม เฉี่ยนจั๋วยังมิกลับมา หยุนชางพลันเห็นจางฮูหยินรีบร้อนวิ่งเข้ามาหา สีหน้าเต็มไปด้วยความซีดเผือด หยุนชางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย "จางฮูหยินเป็นอะไรไปหรือ?"
สายตาของจางฮูหยินสั่นระริกไปมา พร้อมขบริมฝีปากของตนเองเบาๆ พลางค่อยๆกล่าวออกมาว่า "จวนของพวกเรามีคนขับม้าหลายคนเพคะ หากแต่ผู้ที่ใกล้ชิดหม่อมฉันมากที่สุดมีนามว่าอาฉี. ก่อนหน้านั้นที่หม่อมฉันจะออกไปพบปะกับฮูหยินตระกูลหลี่. หม่อมฉันกับฮูหยินตระกูลหลี่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก มักจะไปหานางทุกๆ สองถึงสามวันเสมอ ทุกครั้งที่กลับมาจากตะกูลหลี่ หม่อมฉันมักจะแวะที่ถนนตงซิงเสิ่งเพื่อซื้อกระดาษห่อดอไม้. วันนี้เมื่ออกไปนั้นทุกอย่างล้วนเป็นปกติดี เมื่อครั้งที่หม่อมฉันลงจากรถม้าก็ยังพูดคุยกับอาฉีอยู่สองสามประโยค หากแต่ยามที่กลับมานั้น อาฉีก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป"
"โอ้? " หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล้กน้อย "เปลี่ยนไปอย่างไรกัน ?"
สีหน้าของฮูหยินซีดเผือดเล็กน้อย ราวกับนางเพิ่งรอดจากอะไรบางอย่างมา เมื่อได้ยินหยุนชางถามกลับมาเช่นนี้ จึงรีบร้อนกล่าวว่า "เมื่อครั้งที่หม่อมฉันกลับมา มักจะแวะที่ถนนตงซิงเสิ่งประจำ. หากแต่ครานี้ อาฉีกับไม่พาไปที่ถนนตงซิงเสิ่ง หลังจากที่หม่อมฉันรู้สึกถึงเหตุการณ์แปลกๆ แล้ว จึงคิดว่าอาฉีเพียงแค่ลืมไปเท่านั้น จึงสั่งออกมาสองสามประโยค ว่าให้เขาวนกลับไปที่ถนนตงซินเสิ่งเพื่อซื้อกระดาษห่อดอกไม้ อาฉีก็เลี้ยวกลับไปทันควัน หากแต่ผ่านไปครู่หนึ่ง อาฉีกล่าวว่าขอไปปลดทุกข์. เมื่อออกไปได้ไม่นาน หม่อมฉันจึงลงจากรถม้าไปเดินเล่นเล็กน้อย"
"เดินไปได้ไม่กี่ก้าว. พลันเห็นอาฉีกำลังสอบถามผู้คนอยู่. หม่อมฉันจึงเดินเข้าไป พลันได้ยินอาฉีถามว่าถนนตงซินเสิ่งมีที่ใดขายกระดาษห่อดอกไม้กัน. น้ำเสียงของเขากลับมีความนุ่มลึก ไม่เหมือนวันปกติเสียเลย" จางฮูหยินพลันขมวดคิ้วเล่าเรื่อง
"ในตอนนั้น หม่อมฉันรู้สึกสงสัยยิ่งนัก จึงรีบร้อนกลับขึ้นมาบนรถม้า การกลับไปในครั้งนี้ช่างเต็มไปด้วยความราบรื่น เมื่อมาถึงร้านขายกระดาษห่อดอไม้ หลังจากที่หม่อมฉันซื้อกระดาษห่อดอไม้เสร็จจึงกลับมาที่จวน. เมื่อลงจากรถม้า ก็ตั้งใจให้สาวใช้ข้างกายเดินออกมาอย่างช้า ๆ สาวใช้กลับเล่าให้ฟังว่า นางพลันเห็นว่าอาฉีรู้สึกว่าตนเองปวดท้อง จึงนำรถม้าจอดไว้ที่หน้าประตู แล้วจึงให้คนคอยเฝ้ารถม้าไว้ให้เพื่อให้เขานำม้ากลับไปเก็บในคอก " จางฮูหยินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ทว่า สาวใช้ของหม่อมฉันกลับรู้สึกว่า อาฉีมิได้ไปที่ห้องส้วมแต่อย่างใด เพียงแค่แอบอยู่หลังประตู เพื่อแอบดูคนนำรถม้ากลับเข้าคอกไปเท่านั้น"
สายตาของหยุนชางราวกับมีแสงพาดผ่านพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "อาฉีผู้นั้นเป็นตัวปลอมอย่างแน่นอน. เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคอกม้าอยู่ที่ใด อีกทั้งยังกลัวความหลุดอีก จึงได้คิดลองทำเช่นนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง