เมื่อคิดดูแล้ว กลับได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังเข้ามา หยุนชางพลันเงยหน้าไปมอง พลันเห็นฉินยีที่เดินไปที่ข้างหน้าต่างพร้อมเปิดมันขึ้นมา ฉินยีเพียงทำเสียงเบา ๆ"ผัวะ"หยุนชางจึงหันไปหาฉินยีทันที ฉินยีพลันหันหน้ากลับมาบอกว่า "พระชายา เป็นพระชายาอ๋องเจ็ดเพคะ"
ฮวาอวี้ถง? หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นมายืนที่ข้างหน้าต่าง พลันเห็นฮวาอวี้ถงยืนอยู่ด้านข้างรถม้า สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ สาวใช้ของนางกำลังยืนต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าอยู่ ทั้งสองกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด
"ผู้ที่กำลังถกเถียงกับพระชายาอ๋องเจ็ดนั้น. มิใช่ว่าซูหรูไห่หรอกหรือเพคะ? " สีหน้าของเฉี่ยนจั๋วเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พร้อมเลิกคิ้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ซูหรูไห่" หยุนชางพลันขมวดคิ้วลง พร้อมหันไปหาเฉี่ยนจั๋วว่า "เจ้าแน่ใจงั้นหรือ?"
เฉี่ยนจั๋วพยักหน้าลง พร้อมกล่าวออกมาว่า "เมื่อครั้งที่นู๋ปี๋ไปสืบความที่เมืองหลิงซี. ไม่ผิดแน่ คนผู้นี้คือซูหรูไห่ ซูหรูไห่มิใช่ว่ากลับเมืองจิ่นไปแล้วหรือเพคะ?"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันหลี่ตาลง. เฉี่ยนจั๋วอาจจะยังไม่เข้าใจนัก. แต่หยุนชางเข้าใจเป็นดี. ก่อนหน้านั้น เนื่องจากนางต้องการดึงซูหรูจีออกมาจากตำแหน่งฮองเฮา จึงส่งข่าวไปให้ลั่วชิงเหยียนว่า ให้ซูหรูไห่นำหลักฐานปลอมแปลงเป็นกบฏ ส่งให้เซี่ยหวนอวี่ หากว่ากันตามจริงแล้ว ซูหรูไห่ย่อมต้องโดนจับตัวกลับไปที่เมืองจิ่น พร้อมกับข้อหาสมรู้ร่วมคิด ในยามนี้ ซูหรูจีและซูฉีร่วมกันคิดจะลอบฆ่าฮวาฮองเฮาแล้ว ตระกูลซูอย่างไรย่อมเหนื่อยมากในยามนี้ แล้วเหตุใดซูหรูไห่ถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้?
"เฉี่ยนจั๋ว. อีกครู่ เจ้านำคน ติดตามเขาไป" หยุนชางออกคำสั่งเสียงเบา
เฉี่ยนจั๋วพยักหน้ารับคำ หยุนชางเพียงส่งเสียงตะโกนออกไปด้านนอกว่า "อวี้ถง"
เมื่อฮวาอวี้ถงได้ยินเสียงดังนั้น. จึงมองหาไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทว่า กลับหาที่มาของเสียงไม่พบ หยุนชางจึงตะโกนบอกอีกว่า "อวี้ถาน. ด้านบนนี้"
ฮวาอวี้ถานจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมอง จึงเล็งเห็นว่าเป็นหยุนชาง นางจึงแย้มยิ้มออกมา ซูหรูไห่พลางรู้สึกถึงเหตุการณ์อันใดได้บางอย่าง จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง มิรู้ว่าเขาเห็นอันใดกัน ใบหน้าจึงเปลี่ยนสี พร้อมทั้งรีบร้อนหันกลับไปยืนหลบมุมแล้วจึงเดินหายตัวไป
ฮวาอวี้ถงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย แล้วจึงรีบก้าวเท้าเข้าไปยังในโรงน้ำชา เฉี่ยนจั๋วจึงลอบลอยตัวออกจากหน้าต่างแล้วจึงลอบติดตามไปในทันที
เสียงฝีเท้าจากด้านนอกพลันดังเข้ามา หยุนชางพลันลอบส่งสายตาไปให้ฉินยี ฉินยีจึงเปิดประตูออกมา. เสียงที่ลอดเข้ามานั้น พลันเป็นเสียงของนักเล่านิทานที่ดังเข้ามาอีกครั้ง หากแต่ได้เปลี่ยนเรื่องเล่าไปแล้ว "ผู้คนในวังหลวงมีเรื่องราวตลกขบขันเล่าขานกันมาว่า เคยพบเห็น ผีสาวที่สวมอาภรณ์สีชมพู ผมปล่อยผมสยายลงมา ใบหน้าที่ซีดเผืด อาศัยอยู่ในตำหนักล้างในวังหลวง. อีกทั้งในยามราตรียังชอบออกมาเต้นรำอีกด้วย"
ฮวาอวี้ถงและข้ารับใช้ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี ฮวาอวี้ถงพลันแลบลิ้นออกมา "เหตุใดในโรงน้ำชาแห่งนี้ ยามกลางวันแสกๆยังกล้าเล่าเรื่องผีสางเช่นนี้. เมื่อเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนขึ้นในทันที ทำเอาข้าใจหายกันเลยทีเดียว ยังคิดว่าเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นหรือไม่"
ผู้ที่เดินตามหลังฮวาอวี้ถงมาคือเสี่ยวเอ้อร์. ในมือพลันถือกาน้ำชามาพร้อมขนมหวานต่างๆ เข้ามาวางไว้ ฉินยีจึงสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์วางลง แล้วจึงโบกมือไล่เขาออกไป
ฉินยีเมื่อปิดประตูลงแล้ว เสียงของนักเล่านิทานก็ค่อยๆเบาลง
หยุนชางพลันแย้มยิ้มกล่าวว่า "เมื่อครู่. เมื่อข้ามาถึงนั้นก็ยังได้ยินเรื่องเล่าถึงแม่นางตระกูลจ้วงแต่งงานไม่กี่วันก่อน ผลลัพธ์คือโยนลูกบอลในมือแล้วถูกชายชราเก็บได้ มิรู้เช่นกันว่าแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องผีไปได้อย่างไร"พูดจบพลันหยิบกานำชารินไปใส่ในถ้วยชาให้ฮวาอวี้ถง แล้วจึงกล่าวออกมาว่า "ในยามนี้ ข้ายังดื่มชาอันอื่นไม่ได้มากนัก จึงต้องเสียมารยาทให้เจ้าดื่มชาผลไม้เช่นเดียวกับข้าแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง