อี้เหรินส่ายหัวและกล่าวว่า "มีหลายสิ่งในแป้งหอมที่ต้องซื้อเข้าจากแคว้นเย้หลาง ก่อนหน้านี้เรากำลังทำสงครามกับแคว้นเย้หลางมิใช่หรือ? แม้ว่าเหล่าพ่อค้าของแคว้นเย้หลางจะดูมีน้ำใจอย่างมาก แต่ทันทีที่มีสงครามระหว่างสองแคว้นเกิดขึ้น และพวกเขาได้ข่าวว่าเราเป็นคนของแคว้นเซี่ย จึงปฏิเสธที่จะขายให้เรา "
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามว่า "เครื่องประดับทองและเงินในร้านถูกคนในวังรับไปหมดแล้วใช่หรือไม่? ใครเป็นคนมาซื้อหรือ?"
อี้เหรินรีบกล่าวว่า "ขันทีท่านหนึ่งเพคะ เขากล่าวว่าเขามีนามสกุลว่าล่าย ด้วยความที่นางสนมหลายท่านในพระราชวังเคยมาซื้อเครื่องประดับจากเรา หม่อมฉันจึงพยายามเข้าใกล้และตีสนิทกับเขา แต่ทว่าเขาเป็นคนที่เก็บความลับได้ดีอย่างมาก หม่อมฉันไม่สามารถหลอกถามกระไรมาได้เลยเพคะ"
"เขานำพระราชโองการมาด้วยหรือไม่?"
อี้เหรินส่ายหน้า "ไม่มีเพคะ"
"ไม่มีอย่างนั้นหรือ?" หยุนชางขมวดคิ้ว "แล้วเหตุใดพ่อค้าในเมืองจิ่นจึงนำเครื่องประดับขายให้เขาไปจนสิ้น?"
"เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หม่อมฉันได้คุยเรื่องนี้กับเจ้าของร้านหลายคนที่ทำเครื่องประดับเช่นกันเพคะ ได้การว่าชายผู้นั้นหน้าขาวซีด ไม่มีหนวดเครา และเสียงแหลมคม เขากล่าวว่าตนเป็นคนในพระราชวัง ทุกคนจึงเชื่อเขา เพราะทุกคนคิดว่าถึงอย่างไรแล้วคงไม่มีใครทำตัวไร้สาระแต่งตัวในชุดขันทีกระมั้งเพคะ อีกทั้งเขานำเงินมาซื้อและมิได้ขอให้เราลดราคาแต่อย่างใด ฉะนั้นหากจะขายให้กับใครก็คงมีค่าเท่ากัน และหากเขาเป็นคนในพระราชวังจริงๆ สำหรับพ่อค้าแล้วถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เขามาซื้อของมากมายในร้านค้าของตน ฉะนั้นทุกคนจึงเต็มใจอย่างมากเพคะ" อี้เหรินกล่าวอย่างเร่งรีบ
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ "หากเป็นเช่นนี้แล้ว แปลว่าพวกเจ้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นขันทีในวังจริงๆ หรือไม่?"
อี้เหรินพยักหน้าเบา ๆ
ขณะพูด หยุนชางได้ยินเสียงเฉี่ยนอินดังมาจากข้างนอก จากนั้นประตูก็เปิดออก เฉี่ยนอินเดินเข้ามาและเห็นว่าหยุนชางอยู่ในห้อง แววตาของนางแปลกใจเล็กน้อยจากนั้นจึงยิ้มแล้วเดินไปข้างๆ หยุนชางแล้วถามว่า "พระชายามาที่นี่เพื่อการใดหรือเพคะ?"
หยุนชางหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนี้ "ทำไมรึ ข้ามาที่นี่ไม่ได้หรือ?"
เฉี่ยนอินรีบโบกมือและกล่าวว่า "หม่อมฉันมิกล้าห้ามเพคะ"
หยุนชางเห็นว่ามีหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากของนาง จากนั้นจึงยิ้มและถามว่า "อากาศร้อนเช่นนี้ เจ้าไปไหนมาหรือ?"
เฉี่ยนอินหยิบกาน้ำชาแล้วรินชาให้ตนเอง จากนั้นก็กินไปแก้วใหญ่แล้วจึงกล่าวว่า "หม่อมฉันไปดูร้านค้าแต่ละร้านเพคะ ช่วงที่ผ่านมานี้โรงเหล้าตระกูลเซียวขายดีอย่างมาก จึงทำให้หม่อมฉันยุ่งมาเช่นกันเพคะ หม่อมฉันไม่มีทางเลือกจึงพาเฉี่ยนสุ่ยไปด้วยเพคะ"
หยุนชางหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนี้ "หากว่าเจ้ายุ่งมากบอกกับข้าก็ย่อมได้ ข้าจะให้สายลับคอยช่วยเจ้า เหตุใดจึงต้องทำให้ตัวเองลำบากเช่นนี้เล่า?"
เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนี้จึงรีบกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้พระชายาได้เคลื่อนพลกองกำลังลับทั้งหมดไปที่หยวนอินและหลิงซีแล้วนะเพคะ หม่อมฉันจะกล้าเอ่ยปากขอคนมาช่วยเพิ่มได้อย่างไรเพคะ ตอนนี้มีสายลับที่ว่างอยู่หรือไม่เพคะ พระชายาส่งพวกเขามาช่วยงานหม่อมฉันสักสองสามคนได้หรือไม่เพคะ?"
หยุนชางยกมือขึ้นและเคาะหัวเฉี่ยนอิน " พูดเก่งดีนัก เจ้าไปขอคนจากเฉี่ยนจั๋วได้เลย"
เฉี่ยนอินจึงยิ้มและขอบคุณพระชายา
เมื่อนายและบ่าวกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง เสียงฝีเท้าค่อนข้างหนักแสดงว่าไม่ใช่สายลับ เฉี่ยนอินเดินไปมองที่ข้างประตูแล้วจึงยิ้มและหันมากล่าวว่า "เสี่ยวเอ้อร์มาเพคะ"
เสี่ยวเอ้อร์นั้นเดินไปที่ประตูและไม่เดินเข้ามา เขากล่าวต่ออี้เหรินด้วยความเร่งรีบว่า " เถ้าแก่ขอรับ ลูกค้าที่อยู่ชั้นล่างเอาเงินที่หักไปแล้วมาซื้อของ ข้าน้อยจึงสั่งให้นางเปลี่ยนเงินอื่นแทน นางกล่าวว่านางไม่มีเงินที่สมบูรณ์ไร้ตำหนิ แต่นางก็ยืนกรานที่จะซื้อกำไลนั้นไปให้ได้ขอรับ"
"ขอข้าดูเงินนั่นหน่อย" อี้เหรินกล่าวเบาๆ
เสี่ยวเอ้อร์เร่งยื่นเงินนั้นมาให้นาง เงินนั้นเป็นหยวนเป่ามูลค่าหนึ่งร้อยตำหนัก บริเวณตรงกลางของหยวนเป่านหักหายไปชิ้นใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เสี่ยวเอ้อร์ลำบากใจยิ่งนัก
อี้เหรินหันหน้าไปมองเสี่ยวเอ้อร์ " กำไลข้อมือนั่นกี่ตำลึงเงินหรือ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง