ท้องของหยุนชางโตขึ้นมาก เวลานางลงบันได จะไม่สามารถมองเห็นฝีเท้าของนางได้อีก ฉินยีเห็นว่าหยุนชางเดินเร็วเกินไป รู้สึกกังวลใจ จึงรีบตามนางไป "พระชายาโปรดช้าหน่อยเพคะ เดินระวังด้วย อย่าได้สะดุดล้มนะเพคะ"
หยุนชางโบกมือด้วยรอยยิ้ม และนางก็ลงไปชั้นล่างแล้ว
หยุนชางไม่รู้ว่าลั่วชิงเหยียนอยู่ห้องอักษรห้องใด พอลงไปชั้นล่างก็ไปหาในห้องใต้อักษรชั้นล่างก่อน และพบว่าลั่วชิงเหยียนอยู่ในนั้นจริง ดูเหมือนว่าเขากำลังสั่งอะไรบางอย่างกับองครักษ์ลับ และไม่รู้เพราะเหตุอันใด? ทันทีที่หยุนชางยืนอยู่ที่ประตูห้องอักษร ลั่วชิงเหยียนหันกลับมา ยิ้มและพูดกับหยุนชางว่า "ลงมาแล้วหรือ ทานอะไรหรือยัง"
หยุนชางยิ้มและเดินเข้าไป พยักหน้าแล้วพูดว่า "เมื่อครู่เพิ่งทานถั่วแดงต้มน้ำตาลไปหนึ่งถ้วย ใกล้ถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้ว ไม่ควรทานเยอะเกินไปเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าวว่า "นั่งรอข้าประเดี๋ยว รอข้าสั่งการเสร็จข้าค่อยบอกเจ้า"
"เพคะ" หยุนชางตอบรับอย่างเชื่อฟังและนั่งลงบนเก้าอี้ ลั่วชิงเหยียนเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงหันศีรษะไปคุยกับองครักษ์ลับต่อไป
หยุนชางได้ยินเพียงลั่วชิงเหยียนคอยกำชับเบาๆว่า "เรื่องนี้ต้องทำอย่างระวัดระวัง อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเจ้าไปตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน แล้วมารายงานทันที"
องครักษ์พยักหน้าและตอบรับ
ลั่วชิงเหยียนกล่าวอีกว่า "ถ้าสามารถหาหลักฐานได้ก็จะดีที่สุด ถ้าไม่มี ก็ไม่เป็นไร ไปเถอะ..."
องครักษ์ถอยกลับ หยุนชางจึงได้โอกาส รีบพูดออกมาว่า "เสด็จอา เสด็จอา ข้าพบข้อสำคัญบางอย่าง"
ลั่วชิงเหยียนหันศีรษะและมองดูหยุนชางด้วยรอยยิ้ม "โอ๋ ค้นพบอะไร ไหนลองบอกข้าที"
หยุนชางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ข้ารู้แล้วว่าชายเหล่านั้นที่หายตัวไปที่ใด ข้าพอเดาได้ว่า อาวุธพวกนั้นหล่อมาจากที่ใด ไม่นานมานี้ นางสนมกว่าหกร้อยนางถูกไล่ออกจากวัง และบรรดานางกำนัลในวังก็ถูกไล่ออกเช่นกัน ตำหนักหลายแห่งในวังก็ว่างลง และเมื่อเช้า ข้าได้ยินกงกงที่ออกวังมาขนผักบอกว่า คนออกจากวังก็ไม่น้อย แต่รู้สึกว่าน้ำหนักของผักที่ขนไปนั้นดูไม่ลดลงเลย ดังนั้น ข้าเดาเอาเองว่า คนพวกนั้นต้องสร้างอาวุธในวัง มีสามเหตุผล นอกเหนือจากที่ข้าเพิ่งพูดไป"
"ประการแรก เครื่องประดับนอกวัง คนที่จัดซื้อคือกงกงท่านหนึ่ง ข้าไม่เคยสงสัยว่าเป็นในวังมาก่อน เพราะข้ารู้สึกว่า อีกฝ่ายจะไม่ทิ้งเบาะแสที่ชัดเจนให้เราทราบอย่างแน่นอน มันเห็นได้อย่างชัดเจน อีกฝ่ายก็รู้สึกเช่นกัน ไม่คิดว่าเราจะสงสัยสิ่งที่ชัดเจนเช่นนั้น ประการที่สอง ท้ายที่สุดซูหรูจีเคยเป็นฮองเฮา นางรู้เรื่องของวังหลังมากมาย อีกทั้งนางอยู่ในวังมาหลายปี นางต้องมีขุมพลังที่ไม่ด้อยอยู่ในวังอย่างแน่นอน สำหรับซูหรูจี ไม่มีสถานที่ใดที่คุ้นเคยสำหรับนางมากไปกว่าวังหลังแล้ว อยู่ในวังหลังนางก็ได้เปรียบอยู่บ้าง ส่วนประการที่สามนั้น..."
หยุนชางเกี่ยวมุมปากของนาง พร้อมสายตาที่มีความเจ้าเล่ห์ "ประการที่สามเป็นสิ่งที่ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ มีข้อสงสัยบางอย่าง แต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เมื่อหลายวันก่อนข้าดื่มชาอยู่นอกวัง และได้ฟังผู้เล่าเรื่องในโรงน้ำชาเล่าเรื่องผี บอกว่าในวังหลวงมีผีสิง ตอนนั้นข้านึกว่าเป็นแค่นิทานเรื่องผีทั่วๆไป เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่พอมาคิดดูแล้ว รู้สึกว่า คนเล่าเรื่องไม่ควรที่จะเปลี่ยนเรื่องไปเล่าเรื่องผีสิง หลังจากพูดถึงนางสนมที่ถูกไล่ออกในวังแล้วประกาศหาเขยที่หอซิ่วนะเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ แล้วหัวเราะ โอบหยุนชางแล้วนั่งเบียดบนเก้าอี้ที่หยุนชางนั่งอยู่ พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ข้ารู้แล้ว เมื่อครู่ที่เจ้าได้ยินที่ข้าสั่งองครักษ์ลับ คือให้เข้าวังเพื่อสืบหาข่าว น่าจะได้คำตอบเร็วๆ นี้"
พอหยุนชางได้ฟังก็ชะงัก เผยแววตาที่ผิดหวังเล็กน้อย "อ่อ ข้ายังคิดว่า…" หยุนชางขดริมฝีปากของนาง นางยังคิดว่านางเป็นคนแรกที่พบความลับนี้? แต่ไม่คิดว่าลั่วชิงเหยียนจะลงมือเร็วกว่านางเล็กน้อย มันน่าผิดหวังจริงๆ
แต่ว่า ในขณะที่หดหู่กลับมีความพึงพอใจเล็กน้อย ชายที่ฉลาดและเด็ดเดี่ยวผู้นี้ คือสามีของนาง และเป็นพ่อของลูกในครรภ์ของนาง
"ท่านอ๋องเก่งมากเพคะ" หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองลั่วชิงเหยียนด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธา
ดวงตาของลั่วชิงเหยียนกะพริบเล็กน้อย และมุมปากของเขากระตุกขึ้น เขายอมรับคำชมของหยุนชางโดยไม่รู้เขินใดๆ เผยแววตาที่มีรอยยิ้ม กอดหยุนชางไว้ในอ้อมอกของเขา คิดในใจว่า ไม่บอกนางเป็นดีที่สุด เพราะเขาได้ยินฉินยีและคนอื่นๆพูดถึงท่าทีของนาง เขาจึงเดาเรื่องที่นางกำลังคิดได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง