ทันทีที่คำพูดนี้ส่งออกมา ไม่เพียงแต่นางกำนัลเท่านั้น แต่ใบหน้าของฉินยีและเฉี่ยนจั๋วก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นางกำนัลตัวสั่นทันที และนางไม่สนใจความเจ็บปวดอีก รีบเอื้อมมือไปจับกระโปรงของหยุนชาง เงยขึ้นมองหยุนชาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ้อนวอน ตัวสั่นเบาๆ "พระชายาโปรดไว้ชีวิตด้วย พระชายาโปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ"
สีหน้าของหยุนชางเรียบเฉย ปล่อยให้นางอ้อนวอนอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆเปิดปากพูดออกมาว่า "ขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า และช่วยเจ้าเก็บความลับนี้ไว้ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ขอเพียงแค่เจ้าบอกข้าว่า เด็กในท้องของเจ้า เป็นลูกของใคร ข้าจะปิดปากมิบอกใคร"
นางกำนัลดูเหมือนไม่คิดว่าหยุนชางจะมีคำขอเช่นนี้ สีหน้าของนางแข็งทื่อ ไม่ได้พูดเป็นเวลานาน
หยุนชางเกี่ยวมุมปากของนาง ยิ้มเล็กน้อย "ข้าเป็นครักษาคำพูด เจ้าเพียงแค่ตอบคำถามของข้า ข้าจะให้ทางเลือกสองทางแก่เจ้า แม้ว่าครรภ์ของเจ้าจะได้รับกระทบกระเทือน แต่เด็กในท้องของเจ้าก็ยังอยู่ ถ้าเจ้าไม่ต้องการเขา ข้าจะให้ยาเจ้าเพื่อกำจัดเด็กคนนี้อย่างเงียบๆ แล้วเจ้าก็ยังสามารถอยู่ในวังและเป็นนางกำนัลได้ต่อไป ถ้าเจ้าอยากคลอดเด็กคนนี้ ข้าก็สามารถคิดหาวิธีพาเจ้าออกจากวัง ให้เจ้ากำเนิดเขาอย่างปลอดภัย"
นางกำนัลได้ฟังแล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า " พ่อของเด็กคือ…"
หยุนชางยิ้มแล้วพูด "แล้วแต่เจ้าเลือก เจ้ายังปลอดภัยได้ พ่อของเด็กจะไม่เป็นอะไร เจ้าต้องคิดให้ถี่ถ้วน ถ้านางกำนัลในวังตั้งครรภ์โดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกแขวนคอที่ตะแลงแกง"
หยุนชางเห็นนางกำนัลในวัง ร่างกายสั่นสะท้านทันที "หม่อมฉันพูดเพคะ หม่อมฉันพูดแล้วเพคะ"
หยุนชางยิ้มและมองดูนางอย่างเงียบๆ นางกัดฟัน พร้อมด้วยสีหน้าที่มีความเจ็บปวดเล็กน้อย "พ่อของเด็ก คือขันทีของตำหนักจิ่งหยาง มีนามว่าหวังซู่"
"โอ๋?" หยุนชางยังคงจ้องนางกำนัล "เท่าที่ข้ารู้ ขันทีที่เข้าวังต้องสิ้นสภาพถูกตัดเครื่องเพศ แล้วจะทำให้เจ้าตั้งท้องได้อย่างไร"
นางกำนัลรีบพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันมิได้พูดปดนะเพคะ หวังซู่กล่าวว่า ตอนที่เขาเข้าวัง โชคดีที่เขาหนีผ่านขั้นตอนนั้นมาได้เพคะ"
"พวกเจ้ารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว" หยุนชางถามอีกครั้ง
นางกำนัลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเบาๆว่า "ไม่ถึงสองเดือนเพคะ"
"ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ได้โกหกข้า ฉินยี เจ้าส่งคนไปถามสิ มีกงกงที่ชื่อหวังซู่ในตำหนักจิ่งหยางหรือไม่" หยุนชางหันกลับไปพูดกับฉินยี ฉินยีตอบรับ และถอยออไป
หยุนชางมองไปที่ใบหน้าของนางกำนัลที่ซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด หยิบเข็มเงินออกมาแล้วพูดว่า "นอนลง"
นางกำนัลเห็นเข็มเงินในมือของหยุนชาง รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้นนางจึงรีบนอนลงบนเตียงเตี้ยที่มิได้ปูผ้านวม มือหยุนชางยกเข็มเงินขึ้นแล้วหย่อนลง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางกำนัลก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดบรรเทาลงได้มาก
ฉินยีก็กลับมาในไม่ช้า ขมวดคิ้ว ส่ายหัวให้กับหยุนชางและกล่าวว่า "ทูลพระชายา ไม่มีขันทีที่ชื่อหวังซู่ในตำหนักจิ่งหยางเพคะ อันที่จริง ตำหนักจิ่งหยางว่างมาสองปีแล้ว และไม่มีใครอื่นนอกจากขันทีที่ทำความสะอาดในตำหนักเพคะ"
พอนางกำนัลซึ่งยังคงนอนอยู่บนเตียงเตี้ยได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าของนางดูตกใจโดยไม่แสร้งออกมา "เป็นไปได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ ทั้งๆหม่อมฉันได้แอบพบกับเขาหลายครั้งในตำหนักจิ่งหยาง อีกทั้งในตำหนักจิ่งหยาง ยังมีกงกงหลายคน และมีการลาดตระเวนไปมาในเวลากลางคืนด้วยเพคะ"
ใจของหยุนชางเกิดความชัดเจน เงยหน้าขึ้นมองนางกำนัล "ส่วนใหญ่เจ้าไปเจอเขาเป็นเวลาเมื่อใด พวกเจ้าเจอกันได้ยังไง"
นางกำนัลรีบพูดขึ้นว่า "เราแอบเจอกันตอนกลางคืนของเมื่อเดือนที่แล้ว นางกำนัลที่พักห้องเดียวกับหม่อมฉันมีไข้สูง หม่อมฉันจึงไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อตามผู้ช่วยหมอหลวง แต่เกิดหลงทาง และพบหวังซู่นอกตำหนักจิ่งหยาง แล้วเขาก็ส่งข้ากลับ"
"ถ้าเช่นนั้น เจ้าพอคุ้นเคยกับในวังมากหรือ" หยุนชางขมวดคิ้ว
นางกำนัลพยักหน้า "เพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง