ภายในวังซู่หย่า พระสนมซู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เหล่าข้ารับใช้ต่างก็คุกเข่าลงบนพื้น
ผ่านไปครู่ใหญ่จึงมีนางกำนัลเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างเร่งรีบ นางหยุดอยู่ด้านหน้าสนมซู่ "เหนียงเหนียง ที่วังชีอู๋ฝ่าบาทให้เหล่าองครักษ์ล้อมไว้ หม่อมฉันไม่สามารถสืบได้เลยว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
พระสนมซู่ยืนขึ้นอย่างกะทันหันและกล่าวว่า "อะไรนะ องครักษ์หรือ?"
พระสนมซู่คิดกับตัวเองในใจอยู่นานก่อนจะพูดด้วยความสงสัย "ไม่ควรเป็นเช่นนั้นเลย ฮองเฮาเกิดเรื่อง ทำไมจึงส่งทหารมาเฝ้าไว้? หากเด็กในท้องไม่มีแล้ว คนที่ถูกทหารล้อมก็ควรจะเป็นข้า อย่างไรแผนครั้งก่อนของฮองเฮานั้นร้ายกาจยิ่งนัก นางทำให้ข้าผลักนางล้มลงต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าข้าทำร้ายนาง แต่ถ้าลูกในท้องของนางไม่เป็นอะไร ฝ่าบาทก็น่าจะมาเอาโทษข้าจึงจะถูก"
"หม่อมฉันเองก็ไม่เข้าใจ แต่การต่อสู้ก่อนหน้านี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ตอนแรกมีหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงไปก่อน หลังจากนั้นไม่นานก็เรียกหมอหลวงไปทั้งสำนัก คิดไปว่าเป็นเพราะเด็กในท้องของฮองเฮาอาจอาการไม่ดีนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานฝ่าบาทก็เดินออกมาอย่างโมโห หม่อมฉันยังไม่ทันได้ถามอะไร ที่วังชีอู๋ก็ถูกปิดล้อมแล้วเพคะ" นางกำนัลคนนั้นนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ให้รู้สึกประหลาดยิ่งนักจึงรีบรายงานออกไป
"ตอนนี้นอกจากฮองเฮาแล้วยังมีใครอยู่ในวังชีอู๋อีกบ้าง?" พระสนมซู่ถามหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
นางกำนัลจึงรีบตอบว่า "มีองค์หญิงฮุ่ยกั๋วด้วยเพคะ ตอนที่ฝ่าบาทพาฮองเฮากลับไปที่วังชีอู๋ องค์หญิงก็ตามไปด้วย ต่อมาฝ่าบาทออกไปแล้วสักพักใหญ่ๆ นางจึงค่อยออกมาเพคะ"
พระสนมซู่พยักหน้า "วันนี้พวกเราเตรียมพร้อมไว้ รอดูสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ หากยังไม่สามารถเข้าใจได้เช่นนี้อีก ข้าจะไปตำหนักชิงซินเสียหน่อย"
นางกำนัลพยักหน้าแล้วมองไปที่เหล่าข้ารับใช้ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลัง เมื่อพระสนมซู่เห็นดังนั้นก็โบกมือและกล่าวว่า "ไปเถอะๆ เห็นพวกเจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่แล้วข้ารำคาญใจ"
เหล่านางกำนัลและขันทีจึงรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว ย่อกายทำความเคารพและออกไปทีละคน
เมื่อไม่มีบุคคลที่สามอยู่ในตำหนักแล้ว นางกำนัลก็กระซิยเสียงเบา "พระสนม ฝ่าบาทได้สั่งให้คนตรวจเรื่องเสื้อคลุมของฮองเฮาในวันนี้แล้ว"
พระสนมซู่ยิ้มบางๆ ดวงตามีแววยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น "หากเจ้าไม่พูด ข้าก็เกือบลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว วันนี้ฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินขายหน้าครั้งใหญ่ ให้พวกเขาตรวจสอบไปเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่ได้ทำย่อมต้องสืบมาไม่ถึงข้าอยู่แล้ว อย่างมากฝ่าบาทก็คงลงโทษที่ข้ากวดขันบ่าวไพร่หละหลวม อย่างไรเสื้อผ้าก็มาจากกองพระภูษาและข้าเป็นผู้ที่กำกับดูแลวังหลังแห่งนี้ แต่ข้าอยากรู้จริงๆว่าเป็นใครเป็นเป็นผู้ลงมือแทนข้า วิธีนี้เฉียบแหลมมาก เฉียบแหลมยิ่งนัก แม้ว่าฝ่าบาทจะห้ามมิให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่พวกขุนนางที่ปากอยู่ไม่สุขจะต้องบอกว่าฮองเฮาเป็นกาลกิณีหรือเป็นลางร้ายจากสวรรค์ก็เป็นได้ ซื่อเอ๋อร์ พวกเขาสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง?"
สาวใช้ที่พระสนมซู่เรียกว่าซื่อเอ๋อร์ตอบอย่างรวดเร็วว่า "เหนียงเหนียงไม่ต้องเป็นห่วง เป็นดังที่เหนียงเหนียงกล่าว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา อย่างไรก็สืบมาไม่ถึงเรา" พระสนมซู่พยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มเย็นที่มุมปากแล้วพูดอีกครั้งหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง "เพียงแต่การกระทำวันนี้ของหยวนเจินฮองเฮานั้นออกจะผิดปกติไปเล็กน้อย ข้าไม่เห็นเห็นนางเสียอาการเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะขายหน้าเพียงใด นางมีใจสงสัยข้าก็ไม่น่าที่จะหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีทายาทมังกรอยู่ในท้องอีก ท่าทีของนางในวันนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการจะทำให้ตนเองแท้งแล้วป้ายความผิดให้ข้า อะไรเป็นสาเหตุให้นางทำเช่นนี้กันแน่?"
พระสนมซู่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ใครเป็นคนวางแผนลงมือกับเสื้อผ้าของฮองเฮาตอนที่อยู่บนหอสักการะต่อหน้าข้าราชบริพารทั้งหลาย? และเหตุใดฮองเฮาจึงได้หุนหันพลันแล่นโดยไม่สนใจเด็กในท้องของนาง ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ด้านฮองเฮาตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่?
ในคืนนี้มีคนหลายคนในวังนอนไม่หลับ
วันรุ่งขึ้น องครักษ์ที่ล้อมอยู่ด้านนอกวังของฮองเฮายังไม่ได้ถอนกำลังออกไป เพียงแต่แม้ว่าจักรพรรดิหนิงออกราชโองการไม่ให้ใครแพร่งพรายออกไป แต่เรื่องที่มีอักษร "อัปมงคล" ปรากฏบนชุดพิธีการของนางก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่ว ผู้คนจิตใจแตกตื่นและต่างกล่าวว่าฮองเฮาจะต้องทำอะไรที่ขัดบัญชาสวรรค์เป็นแน่ สวรรค์จึงได้ปรากฏเป็นลางร้ายออกมา เกรงว่าแคว้นหนิงจะมีภัยเสียแล้ว
พระสนมซู่รีบพานางกำนัลไปที่ตำหนักชิงซิน เมื่อนางมาถึงก็เห็นว่าหยุนชางกำลังอ่านคัมภีร์พุทธและสิ่งที่นางท่องพึมพำก็คือภาษาพุทธที่พระสนมซู่ไม่เข้าใจนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง