"องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?" เมื่อเฉี่ยนอินเห็นว่านางมีสีหน้าประหลาด แต่กลับบอกไม่ถูกว่าเป็นเรื่องน่ายินดีหรือไม่น่ายินดีกันแน่ นางจึงถามหยุนชางอย่างรวดเร็ว
หยุนชางยิ้มบางๆแล้วกล่าวว่า "หนิงเชียนและคนอื่นๆ ไล่ตามหัวจิ้งไป แต่พวกเขากลับปล่อยให้นางไปถึงชายแดนและได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายสามของแคว้นเย้หลาง"
"องค์ชายสามของแคว้นเย้หลาง? ช่วยหัวจิ้งไปได้?" เฉี่ยนอินตกตะลึงเล็กน้อย "พวกเขาพบกันได้อย่างไร? หรือว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ?"
หยุนชางแค่นเสียงอย่างเย็นชา "ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ไปเถอะ ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้"
เมื่อหยุนชางมาถึงตำหนักฉินเจิ้งก็พบว่าบิดาของฮองเฮาหลี่จิ้งเหยียนก็อยู่ที่นั่นด้วย เขามีสีหน้าไม่ดีนัก เมื่อเห็นหยุนชางก็แค่นเสียงและหันศีรษะไปอีกทาง
หยุนชางไม่ใส่ใจ นางย่อกายถวายพระพรต่อจักรพรรดิหนิงและกล่าวว่า "เสด็จพ่อ ลูกได้ยินว่าเรื่องที่หอสักการะทำให้จิตใจของประชาชนระส่ำระส่าย…"
ก่อนที่นางจะพูดจบก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลี่จิงเหยียน "ฝ่ายในไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับราชกิจ พระสนมไม่ได้สอนองค์หญิงมาหรือ?"
หยุนฉางได้ยินเช่นนั้นก็หันศีรษะและยิ้มให้หลี่จิ้งเหยียน "มารดาของชางเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ข้างกายของชางเอ๋อร์มาแต่เล็ก ชางเอ๋อร์ได้รับการอบรมสั่งสอนจากฮองเฮาอยู่เสมอ ท่านมหาเสนาบดีหมายความว่าฮองเฮาอบรมข้าไม่ดีงั้นหรือ?"
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้ว "ชางเอ๋อร์ เจ้าพูดต่อเถอะ"
ชางเอ๋อร์จึงไม่สนใจหลี่จิ้งเหยียนอีก นางหันศีรษะกลับมาและยิ้มให้จักรพรรดิหนิง "ลูกมีทางหนึ่งที่จะทำให้เรื่องนี้สงบลง อย่างไรหากข่าวลือเหล่านี้แพร่ไปทั่วก็จะเป็นผลร้ายต่อแคว้นของเรา"
"หืม?" จักรพรรดิหนิงดูเหมือนจะไม่ได้สนใจมากนัก "ชางเอ๋อร์ลองว่ามาสิ"
"เหตุผลที่ผู้คนตกใจก็เป็นเพราะอักษรนั้นรุนแรงและปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด ซ้ำยังเป็นพิธีบวงสรวงสวรรค์เทศกาลตั้งโจ่ยอีกด้วย ทั้งเวลาและสถานที่ต่างก็บังเอิญเกินไป จึงทำให้ทุกคนจึงรู้สึกว่านี่เป็นคำเตือนจากสวรรค์ ลูกคิดว่าหากจะแก้เรื่องนี้ ก็ต้องแสดงสัญลักษณ์มงคลให้แก่ผู้คนได้เห็น"
"สัญลักษณ์มงคล? แต่ว่าชางเอ๋อร์ จะทำได้อย่างไร?" จักรพรรดิหนิงถอนหายใจ
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ลางร้ายของสวรรค์เป็นข่าวลือที่แพร่ออกไป เรื่องมงคลนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพียงคำพูดประโยคเดียว เพียงแต่ว่าคนที่พูดประโยคนี้ต้องเป็นคนที่มีเกียรติอย่างสูงในหมู่ประชาชนอย่างเช่นท่านเจ้าอาวาสอู๋น่า"
"เจ้าอาวาสอู๋น่า?" เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ทันที "จริงด้วย เจิ้นลืมไปได้อย่างไร หากเจ้าอาวาสอู๋น่าบอกว่าเขาเห็นลางร้ายจากสวรรค์ก็ต้องพยายามแก้ไขลางร้ายนั้น เช่นนั้นแล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลาย"
จักรพรรดิหนิงยิ่งคิดก็รู้สึกยินดี "ชางเอ๋อร์ เจ้าช่วยพ่อได้มากทีเดียว ทหาร"
ข้ารับใช้คนหนึ่งรีบเดินเข้ามาจากด้านนอก จักรพรรดิหนิงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "รีบไปวิหารแคว้นหนิงและเชิญเจ้าอาวาสอู๋น่ามา"
ข้ารับใช้คนนั้นรับคำแล้วถอยออกไป
เมื่อหยุนชางเห็นว่าตนบรรลุเป้าหมายแล้ว อีกทั้งหลี่จิ้งเหยียนก็อยู่ที่นี่ เขาเป็นสุนัขจิ้งจอกอยู่เสมอ กลัวว่าเขาจะมองนางได้ทะลุปรุโปร่ง หยุนชางจึงหาข้ออ้างเพื่อออกไป
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามหลังจากที่หยุนชางกลับมาถึงตำหนักชิงซินก็ได้ยินข่าวว่าพระสนมซู่สังหารทายาทของจักรพรรดิและถูกทำโทษให้ไปอยู่ในตำหนักเย็น
หยุนชางรู้ว่าเมื่อครู่หลี่จิ้งเหยียนมาที่ตำหนักฉินเจิ้งก็เพื่อเรื่องนี้ นางจึงไม่แปลกใจเลย อย่างไรก็ตาม ในวังหลังก็ได้เกิดความสงบขึ้นอย่างน่าประหลาด ทุกคนต่างแอบคาดเดาว่าฮองเฮาเพิ่งสูญเสียลูกไป ใกล้วังชีอู๋ต่างก็เต็มไปด้วยทหารองครักษ์และไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ พระสนมซู่ก็ถูกขับไล่ไปอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เช่นนี้ใครจะมาทำหน้าที่ดูแลวังหลังแห่งนี้กัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง