หลังจากเหตุการณ์นี้ จักรพรรดิหนิงยิ่งเคารพเชื่อมั่นในตัวเจ้าอาวาสอู่นา ดังนั้นเมื่อเจ้าอาวาสอู่น่าแนะนำว่าร่างกายของหยุนชางยังคงต้องพักฟื้นและเขาจะพาหยุนชางไปที่วิหารแคว้นหนิงเพื่อพักระยะหนึ่ง จักรพรรดิหนิงจึงตกลงอย่างไม่ลังเลเลย เขาถามเพียงวันเวลาคร่าวๆและปล่อยคนออกไปอย่างยินดี
หยุนชางบอกลาพระสนมจินในวันนั้นและจากไปกับเจ้าอาวาสอู๋น่า เพียงแต่คราวนี้นางไม่ได้นำฉิงยีไปด้วย มีเพียงเฉี่ยนอินเท่านั้น
หยุนชางเข้าไปในวิหารแคว้นหนิง จากนั้นก็ออกจากประตูหลังอย่างเงียบๆพร้อมกับเฉี่ยนอินปลอมตัวไปที่ชายแดน
พรมแดนระหว่างแคว้นหนิงและแคว้นเย้หลางมีเมืองเล็กๆที่ชื่อว่าเมืองซีอี เนื่องจากเป็นพรมแดนระหว่างสองแคว้น ประเพณีวัฒนธรรมพื้นบ้านจึงเปิดกว้าง มักจะเห็นชายหนุ่มหญิงสาวหยอกล้อกันบนท้องถนน
หยุนชางจูงม้าเข้าไปที่โรงเตี๊ยมเล็กๆที่ดูสะอาดสะอ้านแห่งหนึ่ง สั่งบะหมี่เนื้อสองชาม เนื่องจากเวลามาถึงของหยุนชางเลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว ในโรงเตี๊ยมไม่มีผู้ใด หยุนชางจึงเรียกเสี่ยวเอ้อมาสอบถามข่าวคราว
"พี่เสี่ยวเอ้อร์ ข้ากับน้องชายเดินทางมาค้าขาย ได้ยินมาว่าที่นี่มีสงครามเหรอ? แต่ตอนข้าเข้ามาในเมืองกลับพบว่าทุกอย่างในเมืองนี้กลับสงบ มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?" เพื่อเร่งเดินทาง หยุนชางและเฉี่ยนอินต่างก็สวมเสื้อผ้าผู้ชายและเปลี่ยนคำเรียกเป็นพี่ชายน้องชาย
เมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นว่าในร้านไม่มีใครอยู่ เขาจึงนั่งลงและพูดว่า "ก่อนหน้านี้ไม่นานรบกันดุเดือดเชียว ข้าไม่กล้าออกจากประตูเลยเสียด้วยซ้ำ เมืองนี้เกือบจะตกเป็นของแคว้นเย้หลางไปเสียแล้ว แต่หลังจากนั้นจิ้งอ๋องก็มาถึง จิ้งอ๋องนี่ช่าง..." เสี่ยวเอ้อยกนิ้วโป้งให้ "ภายในครึ่งเดือน องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางถูกตีกลับไปเสียกลัวจนฉี่ราด ถอนกำลังทหารออกไปห้าลี้ จิ้งอ๋องกล่าวว่า ไม่ต้องการส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน เขาจึงไปตั้งค่ายห่างออกไปห้าลี้ เจ้าไปทางตะวันตกของเมืองก็จะมองเห็นได้ ค่ายใหญ่สุดลูกหูลูกตาเลย"
หยุนชางยิ้มและตบหน้าอกเบาๆ "โชคดีจริงๆ ก่อนหน้านี้สองเราพี่น้องยังกังวลว่าจะพลอยถูกร่างแหไปด้วยจึงคอยมองดูอยู่ไกลๆ หากรบกันขึ้นมาจริงๆก็จะรีบหนี แต่พอมากลับปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
เสี่ยวเอ้อร์ในร้านรีบกล่าวว่า "เป็นเพราะนี่เป็นจิ้งอ๋อง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเราคงต้องยอมก้มหัวศิโรราบต่อแคว้นเย้หลางไปแล้ว ได้ยินว่าเมื่อวานจิ้งอ๋องยังรบกับแคว้นเย้หลางไปรอบหนึ่งและจิ้งอ๋องก็ยังชนะ แต่ว่าข้าได้ยินมาว่า องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางนั้นจับตัวองค์หญิงฮุ่ยกั๋วของเราไป องค์หญิงฮุ่ยกั๋วเป็นคนดี หวังว่าท่านอ๋องจะสามารถช่วยองค์หญิงกลับมาได้อย่างปลอดภัย"
"องค์หญิงฮุ่ยกั๋วถูกจับไป?" เฉี่ยนอินพูดเสียงแหลมและเหลือบมองหยุนชาง รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย
"ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางรบแพ้แล้วยังให้ท่านอ๋องรอก่อน บอกว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่ในกำมือของเขา หากจิ้งอ๋องไม่ยอมแพ้ เขาจะฆ่าองค์หญิงทิ้งเสีย" เสี่ยวเอ้อร์ทำเสียงเป๊าะปาก "น่าเสียดาย น่าเสียดาย ได้ยินว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วรูปงามและยังมีเมตตา นางตกไปอยู่ในเงื้อมมือขององค์ชายสามที่โหดร้ายป่าเถื่อนต้องถูกรังแกแน่"
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย "จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าสองพี่น้องเพิ่งมาจากเมืองหลวง องค์หญิงฮุ่ยกั๋วยังอยู่ในเมืองหลวงอยู่เลย มีดาวเคราะห์ร้ายปรากฏขึ้นในเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าอาวาสอู๋น่ามาที่เมืองหลวงและยังปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนางอยู่เลย" "หา?" เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าเป็นอีกเรื่องที่ต้องเอาไปพูดต่อ ดังนั้นเขาจึงรีบโน้มตัวเข้าไปแล้วถามว่า "องค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่ในวังหรือ?"
หยุนชางพยักหน้าอย่างมั่นใจมาก "อยู่ในวัง ในวังได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ใช่ว่าจะบอกว่าจะลักพาตัวนางไปแล้วจะลักพาตัวนางไปได้ อีกทั้งเราสองพี่น้องรีบเร่งขี่ม้ามา หากพวกเขาลักพาตัวองค์หญิงไปจริงก็ไม่มีทางอยู่ด้านหน้าเราอย่างแน่นอน"
เฉี่ยนอินก็ตอบรับ "องค์ชายสามแห่งเย้หลางอะไรนั่นคงกำลังหลอกจิ้งอ๋องเพื่อให้เขายอมจำนน เมื่อจิ้งอ๋องอยู่ที่ชายแดนไม่รู้สถานการณ์ภายในวังหลวง ส่งข่าวไปกลับก็ต้องใช้เวลาหลายวัน หากจิ้งอ๋องเชื่อเรื่องโกหกขององค์ชายสามแห่งเย้หลางเข้าแล้วจะทำอย่างไรดี?"
เสี่ยวเอ้อร์กังวลและพูดว่า "ใช่ องค์ชายสามช่างเจ้าเลห์เพทุบายนัก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง