“นายจะทำอะไร” ซูอวี่ฉีรีบก้าวขึ้นไปขวางหน้าซูเหวินจงไว้ แต่เวลานี้ เฉินผิงได้ชักมือกลับมาเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่เฉินผิงกดลงไปตามจุดต่างๆ แล้ว ซูเหวินจงรู้สึกหายใจได้สะดวกขึ้นทันที สีหน้าของเขาก็ยังดูมีเลือดฝาดขึ้นด้วย
“ผมเพียงควบคุมอาการของคุณไว้ชั่วคราว หากจะรักษาให้หายขาด จะต้องใช้เวลา โรคที่แฝงของคุณนี้เป็นมานานมากแล้ว จึงต้องค่อยๆ รักษา”
เฉินผิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบคุณน้องชายที่ยื่นมือเข้าช่วย ขอบคุณมาก...” ซูเหวินจงก้าวเข้าไปจับมือของเฉินผิงด้วยความดีใจ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณไม่หยุดปาก
ซูอวี่ฉีรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งยวด เมื่อเห็นสีหน้าของซูเหวินจงมีเลือดฝาดขึ้น และสภาพร่างกายก็ดูดีขึ้นมาก
“ที่ผมช่วยคุณก็เพราะผมรู้มาว่าคุณมักจะทำการกุศลอยู่บ่อยๆ แล้วยังบริจาคเงินให้โรงเรียนประถมหลายแห่งอีกด้วย ด้วยเหตุและผลนี้ เพียงพอให้ผมยื่นมือเข้าช่วยเหลือคุณ”
ที่เฉินผิงยื่นมือเข้าช่วยก็เพราะรู้ว่าซูเหวินจงเป็นคนจิตใจดี หากเป็นคนอื่นที่เจอกันโดยบังเอิญหรือไม่รู้จักกันเลย เขาอาจจะไม่สนใจจะช่วยเหลือก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นี้ ซูอวี่ฉีปฏิบัติต่อเขาได้ร้ายกาจมาก เธอขับรถชนเขาเกือบตาย เฉินผิงเองก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะช่วยเหลือทุกคน!
เมื่อซูเหวินจงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเคอะเขินขึ้นมา “ผมเพียงทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ยังห่างไกลจากคำว่าการกุศลมากนัก น้องชายช่วยชีวิตผมไว้ หากต้องการอะไรรีบบอกผมได้เลย ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมขอเชิญน้องชายไปทานอาหารที่โรงแรมฟู่เหาด้วยกันสักมื้อ ดีไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมมีเรื่องที่ยังต้องสะสางอีก!”
เฉินผิงส่ายหัวปฏิเสธเขา เขาต้องไปพบเกิ่งซานซานเพื่อถามให้รู้เรื่อง
ซูเหวินจงรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเฉินผิงปฏิเสธ ในฐานะมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของหงเฉิง มีบุคคลมากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องการเชิญเขาไปทานอาหารด้วย คนที่สามารถร่วมโต๊ะทานข้าวกับเขาได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้ เขาเป็นคนออกปากเชิญเฉินผิงไปทานอาหาร คาดไม่ถึงเลยว่าเฉินผิงจะปฏิเสธ นี่ถือเป็นเรื่องเกินความคาดหมายจริงๆ!
“น้องชาย ถึงยังไงเราสองคนก็ควรจะนั่งทานอาหารด้วยกันสักมื้อ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณคุณด้วย!”
ซูเหวินจงดึงแขนของเฉินผิงไว้แน่น
เฉินผิงมองออกว่าที่ซูเหวินจงพยายามจะเชิญเขาไปร่วมมื้อเที่ยงด้วยให้ได้ ก็เพราะต้องการจะรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคที่เขาเป็นอยู่ เฉินผิงเห็นว่าซูเหวินจงเป็นคนจริงใจคนหนึ่ง จึงพยักหน้าและบอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมขอไปจัดการธุระก่อน เสร็จแล้วจะไปหาคุณที่โรงแรมฟู่เหา!”
เมื่อเห็นเฉินผิงพูดเช่นนั้น ซูเหวินจงจึงปล่อยมือ “ก็ได้ครับ ตกลงตามนั้น เมื่อน้องชายมาถึงแล้ว โทรหาผมได้เลย!”
เฉินผิงพยักหน้า เขาอยากจะไปตระกูลเกิ่งเต็มแก่แล้ว!
………………
“เกิ่งซานซานล่ะ ผมต้องการพบเธอ”
หน้าบ้านหรูที่ดูเก่าๆ หลังหนึ่ง เฉินผิงกำลังพูดกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง!
หญิงวัยกลางคนผู้นี้คือจย่าเหม่ยลี่ แม่ของเกิ่งซานซาน หากเป็นเมื่อก่อน เฉินผิงคงไม่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับจย่าเหม่ยลี่ แต่หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวจากแม่ของตนแล้ว เฉินผิงรู้สึกโกรธจนทนไม่ไหว ไม่ได้ลงไม้ลงมือก็ถือว่าบุญแล้ว
จย่าเหม่ยลี่ในชุดกี่เพ้าท่าทางยิ่งผยอง สองมือกอดอก จ้องมองเฉินผิงด้วยสีหน้ารังเกียจ “แกรีบไสหัวไปออกไปเลย วันนี้ลูกสาวของฉันจะแต่งงาน แกไอ้ขี้คุก มายืนอยู่ตรงนี้อัปมงคลจริงๆ...”
“แต่งงานหรือ”
เฉินผิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไอ้หัวล้านพูดจะเป็นความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...
มีเรื่องอื่นที่จบแล้วบ้างไหมจะหาซื้ออ่าน...
มีหนังสือขายมั้ยครับ รอวันละ 20 ตอน ไมทันใจ...