หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 4104

สรุปบท ตอนที่ 4104 เปรียบเทียบ: หัตถ์เทวะราชันมังกร

สรุปตอน ตอนที่ 4104 เปรียบเทียบ – จากเรื่อง หัตถ์เทวะราชันมังกร โดย อาร์ม

ตอน ตอนที่ 4104 เปรียบเทียบ ของนิยายนิยาย ประวัติศาสตร์เรื่องดัง หัตถ์เทวะราชันมังกร โดยนักเขียน อาร์ม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ในถ้ำมืดสนิท มีเพียงแสงเทียนสั่นไหวซึ่งไม่ใหญ่ไปกว่าเมล็ดถั่วเขียว มันส่องสว่างทั่วพื้นที่ขนาดเล็ก

ภายใต้แสงนี้มีชายขราสองคนนั่งขัดสมาธิ มีกระดานหมากรุกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสวางอยู่ระหว่างพวกเขา

ผู้อาวุโสคนหนึ่งคือเหว่ยฉี ในขณะที่อีกคนหนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมสีดำซ่อนตัวอยู่ในความมืด

เหว่ยฉีจ้องมองชายชราที่อยู่ตรงข้ามกับเขาและบ่นว่า “เจิ้นมัว ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องเดินหมาก เราเล่นหมากกระดานนี้มานานกว่าร้อยปีแล้ว ฉันเบื่อแกเต็มทน เก็บตัวอยู่ในที่มืดมิดแห่งนี้ทั้งวันและสวมชุดคลุมสีดำขาดๆ แกนี่มันช่างอวดดีจริงๆ”

เจิ้นมัวหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ! ศิษย์พี่ คุณคงจะห่วงศิษย์ที่เพิ่งหลอกให้มาติดตามคุณ ก็เลยรีบร้อนอยากกลับใช่ไหม?”

เหว่ยฉีพูดอย่างร้อนใจ “พอได้แล้ว ฉันพูดไปนับครั้งไม่ถ้วน หยุดเรียกฉันแบบนั้นได้แล้ว เราไม่ใช่ศิษย์ร่วมสำนักอีกต่อไป อาจารย์ไล่แกออกแล้ว ทั้งที่เคยอยู่บนวิถีอันชอบธรรม แต่แกกลับหันไปเลือกวิถีมาร เส้นทางของเราต่างกัน หลักการของเราต่างกันและไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ รีบลงมือซะ ฉันไม่มีเวลาอยู่กับแกในที่มืดๆ และหนาวเหน็บแบบนี้”

“ฮ่าๆ! คุณพูดอยู่เสมอว่าไม่ใช่ศิษย์ร่วมสำนักกับฉัน แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณก็ยังปรากฏตัวตามที่สัญญาไว้เสมอไม่ใช่หรือ? แม้ว่าอาจารย์จะขับไล่ฉัน ฉันก็ยังถือว่าคุณเป็นศิษย์พี่อยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะคำวิงวอนของคุณในตอนนั้น ฉันก็คงถูกอาจารย์ฆ่าไปนานแล้ว ฉันจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนั้นเลย!” เจิ้นมัวหัวเราะเบาๆ

เหว่ยฉีถาม “ถ้าแกติดหนี้บุญคุณฉัน คราวหน้าก็อย่ามายุ่งกับศิษย์ของฉันอีก มีอัจฉริยะมากมายอยู่ทั่วอาณาจักรนิรันดร์ แต่การจะหายอดฝีมือด้านอาคมเจอนั้นยากมาก กว่าฉันจะได้ศิษย์สักคนไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่าง เมื่อไหร่แกจะยอมรับความพ่ายแพ้และยอมรับว่าฝีมือด้านอาคมของแกด้อยกว่าของฉัน? ถึงยังไงฉันก็เป็นศิษย์พี่ของแก การที่ศิษย์น้องแพ้ศิษย์พี่ไม่ใช่เรื่องน่าอายใช่ไหม?”

เจิ้นมัวยิ้มเย้ยอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ไม่ได้หรอก มันคนละเรื่องกัน คุณบอกเองนี่ว่ามีอัจฉริยะด้านอาคมน้อยมากในอาณาจักรนิรันดร์ ฉันก็ต้องหาใครสักคนมาสืบทอดวิชาของฉัน ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะเดินทางไปไหนได้ ไม่เหมือนคุณ ถ้าศิษย์ของคุณเกิดเปลี่ยนใจและเลือกที่จะติดตามฉัน นั่นก็เป็นเรื่องของโชคชะตา ส่วนฝีมือด้านอาคมของฉันเหนือกว่าของคุณมาก หยุดแสร้งทำเป็นเก่งกว่าฉันซะที หลังจากผ่านไปหลายปี รู้ไหมว่าพลังของคุณลดลงไปมากแค่ไหน แต่ถ้าคุณยอมรับว่าอาคมของคุณด้อยกว่าของฉันแต่โดยดี ฉันก็อาจเลิกจับตามองศิษย์ของคุณ”

เหว่ยฉีไม่พอใจ เขาจึงยืนขึ้นและชี้เจิ้นมัวแล้วพูดว่า “เหลวไหล! แม้ว่าพลังของฉันจะลดน้อยลง แต่อาคมของฉันก็ยังแข็งแกร่งกว่าแก แกเป็นจ้าวมาร ถ้าไม่เชื่อก็มาสู้กันไหมล่ะ? ฉันจะเล่นงานแกให้ทุรนทุรายและร้องด้วยความเจ็บปวด”

โลกถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ไม่มีทั้งแสงจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ทั้งสองคนก็พบว่าตัวเองอ่อนล้าและหายใจหอบ

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่จ้องมองกันไม่วางตา ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ

เจิ้นมัวพูดพร้อมกับหอบ “เยี่ยมเลย! หลังจากใช้พลังในครั้งนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พลังจะฟื้นคืนกลับมาอีก ปราณเซียนในอาณาจักรนิรันดร์หายากมาก คงต้องใช้เวลานานเป็นชาติกว่าจะกลับมาเต็มเปี่ยม”

“ทั้งหมดเป็นความผิดของแก ถ้าแกไม่ปากดีเราก็คงไม่ต้องสู้กัน” เหว่ยฉีก็นึกเสียดายเช่นกัน แล้วเมื่อไหร่พลังของฉันจะฟื้นกลับมา? ถ้าที่นี่คืออาณาจักรแดนสรวงซึ่งมีปราณเซียนอยู่มากมายทุกหนทุกแห่งก็คงดี! อย่างไรก็ตาม ที่นี่คืออาณาจักรนิรันดร์ซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่น พลังวิญญาณเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรใช้บำเพ็ญเพียร สำหรับพวกเราซึ่งมาจากอาณาจักรแดนสรวงมีแต่ต้องใช้ปราณเซียนเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร