หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 113

“นามสกุลรัตนากรกุลเหมือนกัน ทำไมพวกเธอต่างกันมากขนาดนี้? ชัชนันท์ทำตัวเหมาะสม แต่ชลิตายังไงก็นิสัยไม่ดี?”

“อาจจะเพราะฐานะทางสังคมของแม่แต่ละคนแตกต่างกันล่ะมั้ง”

“ชัชนันท์บุคลิกดี ใส่ใจในมารยาทและทำตัวสุภาพ”

คำพูดพวกนี้ของผู้ชม ยิ่งทำให้ปอดหทัยจะระเบิดแล้ว แต่คัดค้านไม่ได้

เธอทำได้แค่กัดฟัน พยายามแสดงท่าทางโกรธออกมาให้มากที่สุด ดึงชลิตาขึ้นมา แล้วยกมือตบหน้าเธออย่างโหดเหี้ยม

เมื่อตบไปแล้ว ชลิตาเจ็บ เธอยิ่งเจ็บ

ชลิตาไม่ได้ต่อต้านเลย ปล่อยให้หทัยตบไป เธอรู้ดีว่าครั้งนี้ ครั้งนี้แม่ไม่ตบเธอไม่ได้

“นังบัดซบ ฉันไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ เธอสัญญากับเราแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าต่อไปจะคุยดีกับๆ นันท์”

“สิ่งที่เคยพูด ผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ลืมแล้วเหรอ? เธอทำให้ฉัน ทำให้ทั้งตระกูลรัตนากรกุลเราขายขี้หน้า!”

“ชลิตา มีอะไรที่เธอไม่กล้าทำอีกไหม?”

สิ้นคำพูด หทัยก็ทนความเจ็บปวดยกมือขึ้นตบหน้าชลิตาแรงๆ หลายทีอย่างต่อเนื่อง

ตบจนถึงตอนจบ มุมปากชลิตามีแต่เลือด ใบหน้าบวมกลายเป็นหมั่นโถวเลือด

ชัชนันท์ยืนดูละครข้างๆ แทนไทเหมือนผู้ชมปกติ ภายในใจสบายอารมณ์เหลือเกิน

รู้สึกดี

รู้สึกดีจริงๆ

ระบายความโกรธ

เป็นการระบายความโกรธจริงๆ

แบบนี้รู้สึกดีกว่าตัวเองลงมือเยอะเลย

ชลิตาไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้หทัยจัดการ น้ำตาล้นไหลออกมาเหมือนลูกปัดที่เส้นขาด

มุมหนึ่งเพราะเจ็บ อีกมุมหนึ่งเพราะเสียหน้า และน้อยใจ

ทำไมเทพแห่งโชคไม่ยืนข้างตนเลยทุกครั้ง? ทำไมโชคชะตาไม่ยุติธรรมแบบนี้?

รู้สึกว่าตบไปพอสมควรแล้ว หทัยก็เหวี่ยงชลิตาลงพื้น ชี้เธอขณะหายใจหอบ “นังนี่ ไสหัวขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้ แล้วพิจารณาความผิดของตนให้ดีๆ!”

ภายนอกคือความโกรธเกรี้ยว แต่ในใจเธอกำลังโศกเศร้า

ชลิตาปิดหน้าตัวเองอย่างอับอาย ก้มหน้าวิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว

ดูละครจบแล้ว

ชัชนันท์ควงผู้ชายข้างตนเบาๆ มองทุกคนรอบๆ “ขอโทษนะคะ เพราะการแสดงที่ไม่ควรเกิดขึ้นทำลายความสนุกของทุกคน เดี๋ยวฉันจะขอโทษทุกคนด้วยการดื่มลงโทษสามแก้วค่ะ”

“ถึงวันนี้จะไม่สนุกเลย แต่หวังว่าตอนนี้ทุกคนจะกลับที่เดิมนะคะ เรามากินมื้อนี้ให้เสร็จกันดีกว่า” ชัชนันท์ยิ้มสุภาพเรียบร้อยอยู่ตลอด

ตอนนี้ทุกคนเริ่มให้เกียรติชัชนันท์มากขึ้น ในใจแต่ละคน ยกนิ้วโป้งให้เธอ

“นันท์ เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเราหรอก ยังไงคนก่อเรื่องก็ไม่ใช่เธอ” สุภาพสตรีคนหนึ่งในฝูงชนพูดขึ้น

“เอาล่ะ เชิญทุกคนเดินกลับไปที่ตัวเองดีกว่า เรื่องในวันนี้ฉันขออภัยเป็นอย่างยิ่ง” วันชัยยังคงสีหน้าเคร่งขรึม

ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็วิจารณ์เรื่องทุกอย่างพร้อมเดินไปยังที่ของตัวเอง

วันชัยมองหทัยด้วยความเย็นชา “เธอไปต้อนรับแขก”

พูดจบ สายตาเขาก็มองร่างชัชนันท์ ยังคงทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ “นันท์ เธอตามฉันไปข้างบนหน่อย”

จากนั้นเขาก็หันหลังขึ้นไปชั้นบนก่อน แล้วโทรแจ้งตำรวจกับทาง 120 ว่าไม่ต้องมารับคนที่บ้านตนแล้ว บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด

“นายไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันมาหานาย” ชัชนันท์ยิ้มแย้มมองชายข้างกาย เสียงนุ่มนวลเหมือนอย่างเคย

“อืม” แทนไทยกมือขึ้นขยี้ศีรษะเธอเบาๆ

การขยี้นี้ทำให้เธอรู้สึกหัวใจตึงเครียดทันที

แต่เนื่องจากมีหลายสายตามองอยู่ จึงไม่พูดอะไร แค่หันหลังเดินขึ้นไปข้างบน

เธอตามวันชัยเข้าไปในห้องทำงานชั้นบน

หลังจากเข้าประตูไป วันชัยก็ปิดประตูด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็เดินไปหน้าโต๊ะทำงานไม้จันทน์แดงสุดหรูแล้วนั่งลง

ส่วนชัชนันท์ยืนฝั่งตรงข้ามเขา

“นันท์……เธอติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้านตั้งแต่เมื่อไร?” วันชัยถามทันที “แล้วเธอรู้เมื่อไรว่าชลิตาไม่ได้ท้อง? เธอดูเตรียมการมาพร้อม ไม่เหมือนเพิ่งรู้เลย”

ชัชนันท์ดึงหางม้าไปทางด้านหลังเบาๆ แล้วพูดตามความจริง “จริงๆ ฉันรู้นานแล้วค่ะ แค่ไม่อยากเปิดโปงเธอ เลยอดทนมาตลอด”

“แต่ที่ฉันรู้จักชลิตา ฉันกลัวว่าเธอจะอาศัยเรื่องนี้มาเล่นงานฉัน ฉันเลยเตรียมพร้อมกับเธอเสมอ เลยพกกล้องล่องหนจำนวนหนึ่งติดตัว เตรียมพร้อมเผื่อมีอันตราย”

“วันนี้จู่ๆ เธอก็เรียกฉันขึ้นไปตามลำพัง ฉันกังวลว่าเธอจะทำอะไรฉัน ฉันเลยติดกล้องล่วงหน้า ฉันกลัวตัวเองพูดไม่เคลียร์” ชัชนันท์อธิบายจริงจัง

“รายละเอียดเธอรู้เมื่อไร? แล้วทำไมเธอไม่บอกฉัน?” วันชัยถาม

“เธอเพิ่งประกาศว่าท้องฉันก็สงสัยว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้ท้อง แต่เพราะไม่อยากเสียมาวินไปเลยจงใจยัดเงินให้หมอมาบอกว่าตัวเองท้อง”

“ฉันเลยแอบจับชีพจรเธอ ฉันอยู่กับหมอเทวดาก็เรียนรู้ความสามารถบางอย่างมาด้วย พอจับชีพจรในตอนนั้น ฉันก็มั่นใจความคิดตัวเอง”

“ส่วนเรื่องทำไมไม่บอกพ่อ เพราะไม่อยากให้ภายในครอบครัวเกิดความขัดแย้งเพราะเรื่องพวกนี้น่ะสิ”

คำพูดเธอ ครึ่งจริงครึ่งเท็จ

ทำไมไม่บอกคุณพ่อ? เพราะเดาไว้ว่าชลิตาจะใช้มันก่อปัญหาน่ะสิ

เลยจงใจให้โอกาสเธอ ให้เธอไปคิดแผน ให้เธอไปวางแผน ให้เธออับอายขายหน้าในที่สาธารณะเหมือนในวันนี้

เพราะเธอรู้นานแล้วว่าแผนนี้ ชลิตาจะต้องเดินแบบนี้แน่นอน

เพราะเรื่องราวต่างๆ ทำให้มาวินเกลียดเธอไปแล้ว เท่าที่เธอรู้จักมาวิน เขาจะไม่มีทางแตะต้องเธอเด็ดขาด

ชลิตาไม่อยากเปิดโปง ก็มีแค่สองวิธี ถ้าไม่ออกไปทำกิฟต์ ก็ต้องใส่ร้ายเธอ

และที่รู้จักชลิตามา เธอไม่กล้าทำกิฟต์ขนาดนั้นแน่ๆ เพราะเรื่องแบบนี้หากเกิดข้อผิดพลาด เธอจะไม่โดนตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์ไล่ออกจากบ้านง่ายดายแบบนั้น

เธอจึงมั่นใจว่าชลิตาเลือกวิธีที่สอง คือการใส่ร้ายเธอ ให้เธอชื่อเสียงป่นปี้ เสียความเชื่อใจของคุณพ่อ กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในสายตาคนในตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์อย่างแท้จริง

สำหรับโอกาส จะต้องเป็นหลังจากเธอแต่งงานกับมาวินได้สำเร็จ และสถานที่ก็คงเป็นงานใหญ่สักงาน

ได้ยินดังนั้น วันชัยก็ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้า ในใจยิ่งชอบชัชนันท์ลึกซึ้งขึ้น

ความฉลาดของเธอมากกว่าทุกคนในตระกูลรัตนากรกุลเยอะเลย

“พ่อ พ่อเข้าใจฉันได้ไหมคะ?” ชัชนันท์ถามอย่างระมัดระวัง

“ได้สิ นันท์เธอพยายามทำดีที่สุดแล้ว” วันชัยพยักหน้า จากนั้นก็กวักมือเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “มานี่”

ชัชนันท์เดินไปย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างๆ วันชัย กอดเขาไว้แน่น “ขอโทษนะคะพ่อ ที่วันนี้ทำให้พ่อขายหน้าทุกคน แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือก”

นี่คือคำพูดจากใจ

ในสงครามระหว่างเธอกับชลิตา หทัยและมาวินคนพวกนี้ คุณพ่อคือผู้บริสุทธิ์ แต่ได้รับผลกระทบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ขอโทษอะไร? เด็กโง่ เธอทำถูกแล้ว วันนี้เธอโต้กลับในฐานะผู้ถูกกระทำต่างหาก” วันชัยถอนหายใจยาวเหยียด ลูบผมชัชนันท์เบาๆ อย่างรักใคร่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว