หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 138

“แกรอแม่ก่อน ถ้าโทรติดแล้ว จะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง แล้วจะด่าเขาให้เข็ดหลาบด้วย ให้เขาล้มเลิกความคิดนี้” กชนิภพูดอย่างจริงจัง

“เรื่องของผม ผมจะจัดการเอง” แทนไทพูด

“อย่าเลย ให้แม่จัดการเถอะ” กชนิภพูด

แทนไทนิสัยยังไง ในใจของเธอรู้ดี ภรรยาของตนเอง โดนน้องชายของตนเองเฝ้าคิดถึง ต่อให้น้องชายจะไม่รู้ความจริงก็เถอะ แต่เขาต้องโกรธมากแน่ๆ

ตอนนี้ถ้าให้พวกเขาสองคนเผชิญหน้ากัน เธอกลัวว่าจะเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงน่ะสิ

“สรุปว่าให้แม่จัดการนะ ว่าไง?” กชนิภพูดต่อ

“ไม่ต้องครับ” แทนไทตอบอย่างไม่ลังเล

เห็นท่าทีแน่วแน่ของเขาแล้ว กชนิภจึงรู้แล้วว่าพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงยอมอ่อนให้ “งั้น แกต้องรับปากแม่ ห้ามลงไม้ลงมือเด็ดขาด”

“วางใจเถอะครับ” แทนไทพูด

กชนิภผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ “อืม คำพูดของแก แม่จำไว้แล้วนะ”

ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็โมโหเหมือนกันแหละ

ที่เธอโมโหน่ะ กลับไม่ได้เป็นเพราะคนที่เขาชอบเป็นพี่สะใภ้ของตนเองทั้งหมดหรอกนะ

เพราะเขาไม่ค่อยมีความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ที่บ้าน

สาเหตุที่เธอโมโหขนาดนี้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง เธอรู้สึกว่าลูกชายคนนี้ของตนเอง ค่อนข้างเสียสติอยู่หน่อยๆ

ต่อให้ไม่รู้ว่าชัชนันท์เป็นพี่สะใภ้ของเขา แต่ก็ควรจะรู้ว่าชัชนันท์แต่งงานแล้วหรือเปล่า?

ถึงยังไงบนอินเทอร์เน็ตก็เคยพูดถึงข้อมูลของชัชนันท์อยู่แล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าธันวาจะไม่รู้

รู้ทั้งรู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ยังจะโพสต์ลงทวิตเตอร์อย่างนั้นอีก คิดจะหลอกล่อคนที่แต่งงานแล้วเนี่ยนะ ทัศนคติบิดเบี้ยวเกินไปหรือเปล่า?

ปกติเจ้าเด็กนี่ออกจะอ่อนโยน ใสซื่อ แต่ทำไมในใจถึงเป็นคนละเรื่องเลยล่ะ?

น่าโมโห!

เธอต้องรีบติดต่อเขา ทั้งยังต้องปรับทัศนคติของเขาด้วย!

“ใช่สิ ที่แม่มาหาแกน่ะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง มารีญานั่น แม่ไม่อยากให้เธอแค่เข้าคุกไปง่ายๆ กล้าแตะต้องลูกสะใภ้แม่ เธอต้องชดใช้ด้วยความทุกข์ทรมานยิ่งกว่า” กชนิภหน้าตาเคร่งขรึม “ทำเกินไปจริงๆ รังแกใครไม่รังแก กล้ามารังแกนันท์ของฉัน”

“แน่นอนครับ” แทนไทพูด

“ดี งั้นแม่ไปเสริมสวยแล้วนะ ไม่รบกวนแกแล้ว แกทำงานไปเถอะ” กชนิภพูด แล้วลุกขึ้น

“ผมไปส่งครับ” แทนไทลุกขึ้นอย่างสบายๆ เดินไปส่งเธอ

..................

ชัชนันท์กลับบ้านมาหยิบเอกสารเสร็จ ก็เตรียมขับรถกลับไปบริษัทต่อ

ตอนที่ผ่านประตูทางเข้าตระกูลรัตนากรกุล วันชัยก็โทรเข้ามา เธอจึงกดรับ

“นันท์ แกกลับมาที่บ้านหน่อย” ปลายสายพูด

ชัชนันท์จึงเลี้ยวเข้าไปในประตูบ้านของตนเองทันที พูดต่อ “อยู่หน้าบ้านพอดีค่ะ จะเข้าไปเดี๋ยวนี้”

จากนั้น เธอจึงวางสาย

ตอนที่ขับเข้ามาในลานบ้าน เธอก็เห็นออดี้สีดำคันหนึ่ง จอดอยู่ที่ทางเข้าบ้านใหญ่

นั่นเป็นรถของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์ เธอจำได้

ดูท่า ภราดรเข้าหาเธอไม่สำเร็จ ตอนนี้จึงเริ่มเข้าหาพ่อของเธอแล้วสินะ

เธอยิ้มเยาะ จอดรถไว้ข้างๆออดี้สีดำ แล้วรีบเข้าไปในบ้าน

ตอนที่เข้าไปในห้องรับแขก วันชัยกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะน้ำชาวางถ้วยน้ำชาไว้หลายใบ

ข้างกายของเขามีภราดรรวมไปถึงดวงพรนั่งอยู่ด้วย

คนรับใช้2-3คนยุ่งวุ่นวายอยู่ที่ด้านหลัง

ดูแล้วบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดน่าอึดอัด สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนไม่ดีเลย

เธอมองออก คาดว่าตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์คงมาทำการต่อรองสินะ

คิดว่าที่พ่อเรียกเธอกลับมา น่าจะอยากให้เธอยอมอ่อนข้อให้แน่ๆ

เธอยังคงสงบนิ่ง เดินเข้าไปข้างๆพวกเขาอย่างเงียบๆ “ลุงดร ป้าพร มาแล้วเหรอคะ......”

ไม่ว่าในใจจะไม่พอใจตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์มากขนาดไหน แต่มารยาทจะหายไปไม่ได้เด็ดขาด

ภราดรกับดวงพรพยักหน้าให้เธอด้วยท่าทีปกติ

เธอเดินไปถึงข้างกายวันชัย นั่งลงแล้วเอ่ยปากถาม “พ่อ เรียกหนูกลับมา มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

“ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร แค่ลุงดรกับป้าพรของแก อยากขอโทษแกต่อหน้าน่ะ จึงต้องให้พ่อเรียกแกกลับมา” วันชัยพูด

“อ้อ อย่างนี้เอง” ชัชนันท์ตอบกลับไปนิ่งๆ สายตามองไปที่ใบหน้าของภราดรกับดวงพร

“นันท์ ขอโทษด้วยนะ ป้าขอโทษจริงๆ เธอจะปล่อยมารีได้ไหม?” ดวงพรหน้าตาจริงใจ

“สิ่งที่ควรพูดหนูพูดกับลุงดรในโทรศัพท์ไปอย่างชัดเจนแล้วนะคะ ไม่ได้ค่ะ” ชัชนันท์พูด

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกคุณได้ขอโทษต่อหน้าแล้ว ตอนนี้ก็ออกไปจากบ้านฉันได้แล้วใช่ไหม?” วันชัยพูด

ท่าทีของพ่อ ทำให้ชัชนันท์ตกตะลึง

น้ำเสียงของเขาเมินเฉย สีหน้าก็ไม่ค่อยเป็นมิตรด้วย

ตามหลักแล้ว ตอนนี้เขา น่าจะไม่อยากสร้างสถานการณ์ตึงเครียดกับตระกูลวงศ์ประสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ? อันที่จริงก็ยังต้องร่วมงานกันนี่นา

“พ่อตา นี่คุณไม่คิดจะไว้หน้าพวกฉันจริงๆใช่ไหม? หรือคุณไม่กลัว พวกฉันถอนเงินลงทุนจากโครงการนั้น?” ดวงพรพูดโพล่งออกมา

ในเมื่อไม้อ่อนใช้ไม่ได้ เธอจึงเริ่มใช้ไม้แข็ง

สีหน้า ก็เริ่มเปลี่ยนไปไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้นแล้ว

ค่อนข้างมีท่าทางขุ่นเคือง

“แล้วแต่พวกคุณ......ถ้าพวกคุณไม่ยินยอมร่วมงานกัน ฉันก็จะคืนเงินให้พวกคุณ แค่แปดพันล้านไม่ได้ยากเย็นสำหรับฉันหรอก ไม่มีวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ป ฉันก็ยังมีลู่ทางทำเงินอื่นอีก” วันชัยพูดต่อ

“แปดพันล้าน ไม่ใช้จำนวนน้อยๆ คุณจะไปหาเงินเยอะขนาดนั้นมาได้ทันทีจากที่ไหน? ถ้าหาไม่ได้ โครงการก็ต้องหยุดชะงัก หยุดหนึ่งวัน ก็ขาดทุนไปหนึ่งวันเลยนะ” ดวงพรมองวันชัยอย่างเหลือเชื่อ

เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะแน่วแน่ขนาดนี้

เดิมทีคิดว่า แค่เธอพูดอย่างนี้ ทางฝั่งวันชัยก็ต้องยอมอ่อนลงทันที

ชัชนันท์ก็คิดไม่ถึงเช่นกัน

แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง จุดที่บอบบางที่สุดในหัวใจ ราวกับโดนมือคู่หนึ่งประคองเอาไว้อย่างแนบชิด

ทำให้เธออบอุ่นไปทั้งหัวใจ

เดิมที ที่พ่อเรียกเธอกลับมา ไม่ได้เพื่อให้เธอประนีประนอมให้ตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์

แต่อยากเพื่อเธอระบายความคับแค้นใจ ออกมาต่อหน้าเธอต่างหาก

จู่ๆเบ้าตาของเธอก็แดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้ ที่พ่อตัดสินใจอย่างนี้ ต้องใช้ความมุ่งมั่นมากขนาดไหน ถึงยังไงนี่มันก็เกี่ยวกับผลประโยชน์ของบริษัทเชียวนะ

“แล้วไง? คลื่นลูกใหญ่ขนาดไหนที่ฉันไม่เคยเจอล่ะ? คุณคิดว่าฉันจะกลัวเรื่องนี้หรือไง?” น้ำเสียงของวันชัยยิ่งเย็นชา “อีกอย่างนะเลิกเรียกฉันว่าพ่อตาสักที มาวินใกล้จะหย่ากับชลิตาแล้ว”

คำพูดที่กรอกเข้ามาในหู ทำให้ชัชนันท์รู้สึกคลายความโกรธได้แล้ว

“คุณดื้อดึงอย่างนี้ มันดีกับคุณตรงไหนเหรอ?” ดวงพรสีหน้าไม่พอใจที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ตนคิดเอาไว้

“ได้ระบายความโมโหไง ไม่ใช่ว่าใครก็จะมารังแกลูกสาวของฉันได้มั่วๆซั่วๆนะ ในเมื่อรังแกแล้ว ก็ต้องชดใช้” พูดจบ วันชัยก็จับมือของชัชนันท์ไว้แน่น พูดต่อ “นันท์ แกอยากทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ พ่อจะเป็นคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งให้แกเอง”

ในทันที ดวงตาของชัชนันท์ก็เอ่อไปด้วยน้ำตาจนมองไม่ชัดเจน เธอพยักหน้า คำพูดมากมายจุกอยู่ในลำคอ แต่ตอนนี้กลับไม่รู้จะพูดออกมายังไง

“ดื้อดึงไม่เข้าท่า!” ดวงพรกัดฟัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว