หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 140

ดวงพรพยักหน้าอีกครั้ง “แค่กลัวว่า เขาจะไม่ยินยอมร่วมงานกับเราแล้วสิ รู้งี้เราไม่น่าพูดเรื่องถอนทุนเลย ถ้าไม่พูดถึง ไม่ฉีกหน้าเขาคงดีกว่านี้”

ตอนนี้เธอเสียใจจะแย่แล้ว

ถ้าทั้งสองตระกูลร่วมงานกัน งั้นโอกาสที่จะได้พบหน้ากันก็จะมากขึ้น ความสัมพันธ์น่าอึดอัดที่ ชลิตา มาวิน มารีญาสร้างขึ้นมาก็จะผ่อนคลายลงได้บ้าง

ถึงเวลานั้นถ้าตระกูลรัตนากรกุลยอดเยี่ยมขึ้นมา วงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปของพวกเขาจะได้พึ่งพาใบบุญไปด้วย

............

ชัชนันท์เข้ามาในห้องหนังสือกับวันชัย

หลังจากสองพ่อลูกเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว วันชัยได้จูงมือเธอ ไปนั่งที่โต๊ะน้ำชาข้างเตียง

บนโต๊ะน้ำชาวางชุดน้ำชาลายครามราคาแพงชุดหนึ่งเอาไว้

ชาในกา ยังร้อนอยู่ ตอนนี้มีไอร้อนๆลอยออกมา

กลิ่นหอมอ่อนๆของเถี่ยกวนอิน ไอร้อนที่ลอยขึ้นมาแตะปลายจมูก ให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ

ชัชนันท์รินน้ำชาใส่แก้วให้วันชัยอย่างสบายๆ แล้วใช้สองมือวางไว้ที่ด้านหน้าเขา “ขอบคุณนะคะพ่อ”

“ขอบคุณทำไม? ปกป้องแก เป็นสิ่งที่พ่อควรทำอยู่แล้ว” วันชัยพูด

ชัชนันท์ตาแดงขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งอีกครั้ง “พ่อ ดีจัง”

วันชัยลูบผมของเธออย่างเอ็นดู “เด็กเอ๊ย แกเป็นลูกรักของพ่อ พ่อไม่ดีกับแก จะดีกับใครล่ะ?”

ชัชนันท์ยิ้ม น้ำตาร่วงเผลาะ

“ดูท่าทีเด็กเอ๊ยๆของแกสิ ร้องไห้ทำไม? เลิกร้องได้แล้ว เช็ดน้ำตาซะ” วันชัยดึงกระดาษทิชชู พลางเช็ดน้ำตาให้เธอพลางพูดไปด้วย

แสงอาทิตย์อุ่นๆที่สาดเข้ามาจากด้านข้าง ทำให้ฉากนี้ยิ่งอบอุ่นขึ้น

ชัชนันท์สูดๆจมูก กลับมาพูดเรื่องประเด็นสำคัญ “ใช่สิ พ่อคะ ทำไมจู่ๆเซ็นเทอรี่ลองถึงมาหาพวกเราถึงที่เลยล่ะ? ทำไมถึงได้ลาภลอยโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย? พ่อว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร?”

วันชัยส่ายหัว “ไม่แน่ใจ แต่ชัดเจนว่า พวกเขาคิดจะช่วยรัตนากรกุลกรุ๊ปของพวกเรานะ”

“แต่ ทำไมพวกเขาถึงมาช่วยเราล่ะคะ? ยิ่งไปกว่านั้น วิธีช่วยพวกเรายังไม่ธรรมดาอีก เหมือนทำการกุศลเลย” ชัชนันท์หน้าตาไม่เข้าใจ เท่าที่เธอรู้ ตระกูลของพวกเขากับเซ็นเทอรี่ลองไม่ได้สนิทสนมกันแม้แต่นิดเดียว

“ไม่รู้สิ แต่ว่า พวกเขาจะช่วยเราจริงๆ” วันชัยพลางครุ่นคิด พลางพูดขึ้น

“ทำไมเรื่องดีๆอย่างนี้ ถึงหล่นใส่เราได้ล่ะคะ? พ่อ ไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตของเซ็นเทอรี่ลองจริงๆใช่ไหม?” ชัชนันท์หน้าตาสงสัย

เรื่องพวกนี้ หลังจากเธอคิดมาตั้งหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“ไม่รู้จักจริงๆ” วันชัยตอบตามความจริง

“งั้นก็แปลกแล้วนะคะ......” ชัชนันท์ยิ่งสงสัย “คนที่โทรมา เดิมทีคงไม่ใช่ผู้ช่วยประธานของเซ็นเทอรี่ลองหรือเปล่า? แต่เป็นนักต้มตุ๋นอะไรพวกนั้น? พวกเขาคงคิดจะเล่นลูกไม้อะไร หลอกเงินพวกเราล่ะมั้ง?”

วันชัยรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงโทรไปหาผู้ช่วยของตนเองทันที “คนๆนั้นที่โทรมาหาเธอ ใช้เบอร์อะไรโทรมา?”

“ใช้เบอร์โทรศัพท์ตั้งโต๊ะของเซ็นเทอรี่ลองกรุ๊ปค่ะ” ปลายสายพูด

“โทรศัพท์ตั้งโต๊ะของเซ็นเทอรี่ลองงั้นเหรอ?” วันชัยถาม มองตาของชัชนันท์โดยไม่รู้ตัว

ชัชนันท์ก็กำลังมองเขา

โทรศัพท์ตั้งโต๊ะของเซ็นเทอรี่ลอง

งั้นก็แสดงว่า คนที่โทรมา เป็นคนของเซ็นเทอรี่ลองจริงๆ ไม่ใช่พวกนักต้มตุ๋น

“ใช่ค่ะ เบอร์มือถือของเขา ฉันส่งไปให้ท่านแล้ว ท่านประธาน อย่าลืมโทรไปนะคะ”

“เข้าใจแล้ว”

วันชัยวางสายไปทันที มองชัชนันท์อีกครั้ง “เหมือนจะไม่ใช่การหลอกลวงนะ อีกเดี๋ยว พ่อจะโทรไปหาผู้ช่วยประธานคนนั้น แกวางใจเถอะ พ่อจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ยอมให้ใครหลอกแน่นอน”

“ค่ะ หนูเชื่อใจพ่อ” ชัชนันท์พูด พ่อทำธุรกิจมานาน ปัญหาใหญ่ๆอะไรที่ไม่เคยเจอ คนแบบไหนที่ยังไม่เคยเจอบ้างล่ะ? ต่อให้มีแผนการร้ายอะไรจริงๆ เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองตกลงไปเด็ดขาด

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไร แกก็รีบกลับบริษัทเถอะ พ่อจะโทรหาผู้ช่วยประธานคนนั้นหน่อย” วันชัยพูด

“ค่ะ ถ้ามีอะไร พ่อโทรมาหาหนูนะ” ชัชนันท์ลุกขึ้น พูด

วันชัยพนักหน้า

จากนั้น ชัชนันท์จึงเดินออกไปจากบ้าน

ดูจากแนวโน้มในตอนนี้ เซ็นเทอรี่ลองคิดจะทำการกุศลช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ จากเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ ทั้งหมดนี่เป็นความจริง ไม่ใช่การหลอกลวงอะไร

คิดอย่างนี้ เธอจึงรู้สึกว่า อารมณ์ของตนเองดีขึ้นมาทันที

หวังว่า ทั้งหมดนี้จะได้ดำเนินการตามที่คิดเอาไว้จริงๆ

แต่ถ้าทำไม่ได้ เธอก็ไม่กลัวอยู่ดี เพราะเธอมีเงินของตนเอง

Xเอนเตอร์เทนเมนท์ ทำเงินให้เธอ ส่วนหนึ่งเธอเก็บสะสมเอาไว้ อีกส่วนหนึ่งเธอเอามาลงทุน เพราะสายตาเฉียบแหลม เงินที่เธอลงทุน จึงได้คืนกลับมาหนึ่งร้อยเท่าแล้ว

ตั้งแต่ที่เธอก่อตั้งXเอนเตอร์เทนเมนท์มาจนถึงตอนนี้ ทรัพย์สินส่วนตัว ที่เก็บสะสมทีละนิดทีละหน่อยก็มีถึงแปดพันกว่าล้านแล้ว

..................

กลับมาถึงรัตนากรกุลกรุ๊ป เธอก็เปิดโหมดไม่สนใจโลกภายนอก ทุ่มทำงานอย่างเต็มที่

ทำงานจนกระทั่งหกโมงเย็น

เงยหน้าขึ้นมา เธอจึงพบว่าท้องฟ้าด้านนอกค่อยๆมืดลง เสาไฟในเมืองใหญ่เปิดไฟแล้ว เปี่ยมล้นไปด้วยสีสัน

เธอดันเก้าอี้หมุนถอยไปข้างหลัง พิงตัวลงบนพนักเก้าอี้ด้วยความขี้เกียจ บีบๆหว่างคิ้วเบาๆ ทำให้ตนเองผ่อนคลาย

หยิบมือถือขึ้นมา เธอก็เห็นนลินโทรมาหาตนเองสามสายแล้ว

เพราะเปิดสั่นเอาไว้ เธอจึงไม่ได้ยินอะไรเลย

ดังนั้น เธอจึงโทรกลับไปหานลิน

ไม่นาน ปลายสายก็มีเสียงของเธอลอยมา “เกิดอะไรขึ้น โทรไปหาตั้งหลายรอบก็ไม่รับ ถ้าเธอไม่สนใจฉันอีก ฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ”

ในน้ำเสียงของปลายสาย ปะปนไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหยอกเย้า

“ทำงานอยู่น่ะ......” ชัชนันท์พูด

“อืม ฉันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แค่จะบอกเธอว่า เพราะเรื่องนี้มารีญาอาจจะโดนคุมตัวไว้หนึ่งเดือน” พูดจบ ปลายสายก็มีเสียงหัวเราะเบาๆลอยมา

“ดีมาก” ชัชนันท์ยิ้มออกมา อารมณ์ดี

“ยัยโง่นั่น สมน้ำหน้าจริงๆ อีกอย่าง หัวหน้ากลุ่มเมล็ดกาแฟที่เป็นทีมภรรยาของธันวาก่อนหน้านี้น่ะ เพิ่งจะโทรมาขอโทษฉัน ผู้หญิงคนนั้นตกใจจะแย่แล้ว กลัวว่าฉันจะให้เธอเข้าคุก รวมไปถึงเพื่อนที่เป็นแฮกเกอร์คนนั้นของมารีญา หมูน้อยบาหลีนั่นด้วย”

“งั้นเธอบอกไปว่าไง?” ชัชนันท์ถาม

“ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ? ฉันก็ต้องบอกพวกเขาว่า เราพูดคำไหนคำนั้นน่ะสิ จะว่าไป ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าฉันทำยังไงให้พวกเขายอมอ่อนข้อให้สินะ? ฉันจะบอกเธอให้ ฉัน......”

“เธอไม่บอกฉัน ฉันก็พอเดาได้ ทั้งขู่ทั้งหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ล่ะสิ ทีแรกก็แสดงหลักฐานออกมา ขู่ให้พวกเขาตกใจ จากนั้นจึงเอาเงินมาล่อพวกเขา” ชัชนันท์หัวเราะ

“อืม ใช่ ทำอย่างนี้แหละ” นลินก็หัวเราะออกมา

“เสียเงินไปเท่าไหร่? ฉันจะคืนให้”

“ไม่ต้องหรอก แค่ไม่กี่แสน เงินนี่ พี่ออกให้เอง” น้ำเสียงของนลินสบายอกสบายใจ

ชัชนันท์ยิ้มกว้างขึ้น “อีกเดี๋ยว ฉันจะโอนให้เธอ ความหวังดีของเธอน่ะ ฉันขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ”

“ไม่สิ เธอจะเกรงใจฉันทำไม?”

“ไม่ควรให้เธอเป็นคนออกเงิน แม้แต่บาทเดียวเธอก็ไม่ควรจ่าย ถึงจะสนิทกัน แต่เรื่องเงินก็เอาเปรียบกันไม่ได้นะ”

ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน ธันวาก็โทรเข้ามา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว