ชัชนันท์กดปฏิเสธรับสาย จากนั้นจึงทำการสนทนาต่อกับทางนลิน
“ก็ได้ ๆ แล้วแต่เธอเลย” นลินกล่าวอย่างจนปัญญา
“งั้นตามนี้ก่อนแล้วกัน ฉันมีธุระต่อ วันหลังเราค่อยทานข้าวด้วยกัน” จากนั้นชัชนันท์ก็วางสายไป
หลังจากโอนเงินหนึ่งแสนหยวนให้กับนลินแล้ว เธอก็ได้โทรกลับไปหาธันวา
“อยู่ไหนเหรอ ตอนเย็นว่างมาทานข้าวด้วยกันไหม” เสียงของธันวาในอีกด้านหนึ่ง ดูอบอุ่นสะอาดสะอ้านราวกับเมื่อก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“อืม ฉันอยู่ที่รัตนากรกุลกรุ๊ป” ชัชนันท์กล่าว
“เดี๋ยวผมไปรับเธอ อีกครึ่งชั่วโมงถึง” อีกฝ่ายตอบกลับ
“อืม” เมื่อพูดจบ ชัชนันท์ก็วางสายไป
หลังจากที่ดูเอกสารมาครู่หนึ่ง ก็ใกล้จะจวนเวลาแล้ว เธอจึงเร่งรีบแต่งหน้า จากนั้นได้ทำการมัดผมหางม้าเป็นทรงสูงเรียบร้อย พร้อมสะพายกระเป๋าลงจากตึกไป
ทันใดนั้น ประจวบเหมาะกับได้มีรถโรลส์ รอยส์สีดำคันหนึ่ง ได้หยุดจอดอยู่เบื้องหน้าของเธอ
ไม่นาน กระจกรถก็ได้เลื่อนลง รอยยิ้มของธันวาได้ปรากฏอยู่ในดวงตาของเธอ
เขาขับรถมาด้วยตัวเอง ภายในรถไม่มีใครอื่น
“ขึ้นรถ” เขากล่าว
ชัชนันท์มองไปโดยรอบ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอื่น จึงได้ขึ้นไปบนรถของธันวา
ระบบทำความร้อนภายในรถอุ่นพอดิบพอดี ทำให้ความหนาวบนร่างกายของเธอนั้นคลายลงภายในชั่วพริบตา
เนื่องจากเรื่องโทรศัพท์ครั้งนั้น จึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยที่ต้องนั่งกับเขาเพียงลำพังในรถที่มีพื้นที่จำกัดนี้
อึดอัดมาก ๆ
เธอขยับตัวเล็กน้อย พร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว
“ผมจองร้านอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เราไปกันเลยดีกว่า” สีหน้าแววตาของธันวายังคงไม่สะทกสะท้าน ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“อืม”
เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เขาก็รีบเหยียบคันเร่งฝ่าเข้าไปยังกลุ่มรถที่วิ่งอยู่
ภายในรถไม่ได้เปิดไฟ แสงไฟข้างทางที่มืดสลัวได้สาดล่องเข้ามากระทบอยู่บนใบหน้าที่แสนอบอุ่นของเขา
ใบหน้าที่ละเมียดละไม คล้ายกับผลงานที่ถูกรังสรรค์จากหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า
คิดว่าพระผู้เป็นเจ้าคงเคยจูบลงบนใบหน้าของเขาเป็นแน่
เขาควบคุมพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว ส่วนแขนอีกข้างได้บรรเลงจับอยู่บนขอบกระจกรถอย่างเป็นธรรมชาติ ท่วงท่าในการขับรถดูสบาย ๆ แต่กลับขับรถได้นิ่งมาก
เพื่อลดความอึดอัดใจลง ชัชนันท์จึงเปิดทวิตเตอร์ขึ้น แล้วเริ่มค้นหายอดนิยมในช่วงนี้
ในช่วงนี้ เทรนด์ที่ร้อนแรงอันดับหนึ่งคือซาแซงแฟนธันวา
เมื่อเห็นหัวข้อเทรนด์นี้ เธอจึงเงยหน้าพร้อมเหลือบมองไปยังธันวาอย่างบางๆ จากนั้นจึงกดอ่านอย่างรีบเร่ง
หลังจากกดเข้ามา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือแอคปล่อยข่าวใหญ่ของทวิตเตอร์ ด้านบนเขียนไว้ว่าหลังจากที่ธันวาถ่ายนิตยสารเสร็จวันนี้ จะออกไปพบกับซาแซงแฟนที่บ้าคลั่ง หลังจากที่เหล่าผู้หญิงเห็นเขา ก็จะปรี่เข้าไปจับมืออย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งมีซาแซงแฟนคนหนึ่งไปแหวกดงบอดี้การ์ดของธันวา และใช้โอกาสนี้เพื่อจูบหลังมือเขา
ข้อความด้านล่างยังประกบคู่กับภาพฉากที่บันทึกความโกลาหลของฉากในเหตุการณ์นั้นไว้อย่างชัดเจน รวมถึงความบ้าคลั่งของซาแซงแฟน
แค่ได้เห็นภาพแบบนี้ เธอก็รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว
มันเกินไปแล้วจริง ๆ
ในช่องแสดงความคิดเห็น ล้วนมีแต่คนด่าทอด้วยกันทั้งนั้น
“ขอให้พวกซาแซงแฟนตายไปให้หมดเลยได้ไหม แม่พวกเธอไม่ได้สอนเหรอว่าให้รู้จักกาลเทศะ”
“เย้ๆๆ ฉันปวดใจจริง ๆ จับคนพวกนี้ไปเข้าคุกได้หรือเปล่า อยู่ไปก็เปลืองอากาศ ตายไปก็เปลืองขี้ดิน”
“พวกนี้เป็นกลุ่มสมองอักเสบหรือเปล่า ให้ตายเถอะ ปล่อยสามีฉัน! อ๊าา! หงุดหงิด!”
ในตอนนี้สัญญาณไฟแดงได้ปรากฏขึ้น ธันวาค่อย ๆ เคลื่อนรถหยุดอย่างนิ่งสนิท พร้อมปรายตามองเธอ “ดูอะไรกัน”
“ดูเรื่องที่คุณเจอกับพวกซาแซงแฟนน่ะสิ” ชัชนันท์กล่าว
“อืม เรื่องเล็กน่ะ” ธันว่ากล่าวอย่างใจเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...