หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 141

ชัชนันท์กดปฏิเสธรับสาย จากนั้นจึงทำการสนทนาต่อกับทางนลิน

“ก็ได้ ๆ แล้วแต่เธอเลย” นลินกล่าวอย่างจนปัญญา

“งั้นตามนี้ก่อนแล้วกัน ฉันมีธุระต่อ วันหลังเราค่อยทานข้าวด้วยกัน” จากนั้นชัชนันท์ก็วางสายไป

หลังจากโอนเงินหนึ่งแสนหยวนให้กับนลินแล้ว เธอก็ได้โทรกลับไปหาธันวา

“อยู่ไหนเหรอ ตอนเย็นว่างมาทานข้าวด้วยกันไหม” เสียงของธันวาในอีกด้านหนึ่ง ดูอบอุ่นสะอาดสะอ้านราวกับเมื่อก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“อืม ฉันอยู่ที่รัตนากรกุลกรุ๊ป” ชัชนันท์กล่าว

“เดี๋ยวผมไปรับเธอ อีกครึ่งชั่วโมงถึง” อีกฝ่ายตอบกลับ

“อืม” เมื่อพูดจบ ชัชนันท์ก็วางสายไป

หลังจากที่ดูเอกสารมาครู่หนึ่ง ก็ใกล้จะจวนเวลาแล้ว เธอจึงเร่งรีบแต่งหน้า จากนั้นได้ทำการมัดผมหางม้าเป็นทรงสูงเรียบร้อย พร้อมสะพายกระเป๋าลงจากตึกไป

ทันใดนั้น ประจวบเหมาะกับได้มีรถโรลส์ รอยส์สีดำคันหนึ่ง ได้หยุดจอดอยู่เบื้องหน้าของเธอ

ไม่นาน กระจกรถก็ได้เลื่อนลง รอยยิ้มของธันวาได้ปรากฏอยู่ในดวงตาของเธอ

เขาขับรถมาด้วยตัวเอง ภายในรถไม่มีใครอื่น

“ขึ้นรถ” เขากล่าว

ชัชนันท์มองไปโดยรอบ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอื่น จึงได้ขึ้นไปบนรถของธันวา

ระบบทำความร้อนภายในรถอุ่นพอดิบพอดี ทำให้ความหนาวบนร่างกายของเธอนั้นคลายลงภายในชั่วพริบตา

เนื่องจากเรื่องโทรศัพท์ครั้งนั้น จึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยที่ต้องนั่งกับเขาเพียงลำพังในรถที่มีพื้นที่จำกัดนี้

อึดอัดมาก ๆ

เธอขยับตัวเล็กน้อย พร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว

“ผมจองร้านอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เราไปกันเลยดีกว่า” สีหน้าแววตาของธันวายังคงไม่สะทกสะท้าน ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“อืม”

เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เขาก็รีบเหยียบคันเร่งฝ่าเข้าไปยังกลุ่มรถที่วิ่งอยู่

ภายในรถไม่ได้เปิดไฟ แสงไฟข้างทางที่มืดสลัวได้สาดล่องเข้ามากระทบอยู่บนใบหน้าที่แสนอบอุ่นของเขา

ใบหน้าที่ละเมียดละไม คล้ายกับผลงานที่ถูกรังสรรค์จากหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า

คิดว่าพระผู้เป็นเจ้าคงเคยจูบลงบนใบหน้าของเขาเป็นแน่

เขาควบคุมพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว ส่วนแขนอีกข้างได้บรรเลงจับอยู่บนขอบกระจกรถอย่างเป็นธรรมชาติ ท่วงท่าในการขับรถดูสบาย ๆ แต่กลับขับรถได้นิ่งมาก

เพื่อลดความอึดอัดใจลง ชัชนันท์จึงเปิดทวิตเตอร์ขึ้น แล้วเริ่มค้นหายอดนิยมในช่วงนี้

ในช่วงนี้ เทรนด์ที่ร้อนแรงอันดับหนึ่งคือซาแซงแฟนธันวา

เมื่อเห็นหัวข้อเทรนด์นี้ เธอจึงเงยหน้าพร้อมเหลือบมองไปยังธันวาอย่างบางๆ จากนั้นจึงกดอ่านอย่างรีบเร่ง

หลังจากกดเข้ามา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือแอคปล่อยข่าวใหญ่ของทวิตเตอร์ ด้านบนเขียนไว้ว่าหลังจากที่ธันวาถ่ายนิตยสารเสร็จวันนี้ จะออกไปพบกับซาแซงแฟนที่บ้าคลั่ง หลังจากที่เหล่าผู้หญิงเห็นเขา ก็จะปรี่เข้าไปจับมืออย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งมีซาแซงแฟนคนหนึ่งไปแหวกดงบอดี้การ์ดของธันวา และใช้โอกาสนี้เพื่อจูบหลังมือเขา

ข้อความด้านล่างยังประกบคู่กับภาพฉากที่บันทึกความโกลาหลของฉากในเหตุการณ์นั้นไว้อย่างชัดเจน รวมถึงความบ้าคลั่งของซาแซงแฟน

แค่ได้เห็นภาพแบบนี้ เธอก็รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว

มันเกินไปแล้วจริง ๆ

ในช่องแสดงความคิดเห็น ล้วนมีแต่คนด่าทอด้วยกันทั้งนั้น

“ขอให้พวกซาแซงแฟนตายไปให้หมดเลยได้ไหม แม่พวกเธอไม่ได้สอนเหรอว่าให้รู้จักกาลเทศะ”

“เย้ๆๆ ฉันปวดใจจริง ๆ จับคนพวกนี้ไปเข้าคุกได้หรือเปล่า อยู่ไปก็เปลืองอากาศ ตายไปก็เปลืองขี้ดิน”

“พวกนี้เป็นกลุ่มสมองอักเสบหรือเปล่า ให้ตายเถอะ ปล่อยสามีฉัน! อ๊าา! หงุดหงิด!”

ในตอนนี้สัญญาณไฟแดงได้ปรากฏขึ้น ธันวาค่อย ๆ เคลื่อนรถหยุดอย่างนิ่งสนิท พร้อมปรายตามองเธอ “ดูอะไรกัน”

“ดูเรื่องที่คุณเจอกับพวกซาแซงแฟนน่ะสิ” ชัชนันท์กล่าว

“อืม เรื่องเล็กน่ะ” ธันว่ากล่าวอย่างใจเย็น

“นี่มันเรื่องเล็กตรงไหนกัน” ชัชนันท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าบริษัทต้องหาบอดี้การ์ดให้คุณอีกสองสามคนแล้วล่ะ พาไปด้วยสี่ห้าคนเห็นได้ชัดว่าไม่พอ”

“เป็นห่วงผมขนาดนั้นเลยเหรอ” มุมปากของธันวายกสูงขึ้นมา เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่สง่างาม

รอยยิ้มนี้ ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์อยู่ในตัวเอง ในตอนนี้แม้แต่อากาศในรถทั้งหมดก็ยังรู้สึกสดชื่นกว่า

“จริงจังหน่อยสิ” ชัชนันท์สีหน้าเคร่งขรึม

“โอเค ๆ...” ดวงตาของธันวาเต็มไปด้วยความเอ็นดู

สัญญาณไฟเขียวสว่างขึ้น รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปด้านหน้าอีกครั้ง

………

หลังจากนั้นสิบกว่านาที รถของธันวาก็ได้หยุดลงที่หน้าร้านอาหารยุโรปสุดหรู “เงียบวิเวก”

ธันวาสวมแว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ หมวกแก๊ปยอดแหลม รวมถึงหน้ากากอนามัยอย่างรวดเร็ว พร้อมพาเธอจ้วงเดินเข้าไปยังร้านอาหารอย่างเงียบ ๆ

หลังจากเข้ามาแล้ว ผู้จัดการร้านอาหารที่สง่าผ่าเผยก็ได้พาพวกเขาไปยังห้องอาหารส่วนตัวสุดหรูบนชั้นสอง

ภายในตกแต่งด้วยสไตล์พระราชวังแบบยุโรป ประดับด้วยเพชรนิลจินดาโดยรอบ หรูหราเป็นอย่างมาก

นอกจากโต๊ะอาหารขนาดใหญ่และยาวแล้ว ยังมีโซฟา ตู้ไวน์และอื่น ๆ

อากาศด้านในตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบที่เกิดจากเทียนที่เผาไหม้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้จิตใจเกิดความสงบ

ทั้งสองนั่งแยกกันสองด้านของโต๊ะอาหาร

หลังจากที่พวกเขาสั่งอาหารเสร็จ ผู้จัดการก็รีบจ้วงเดินออกไปพร้อมปิดประตู

ธันวาถอดชุดคลุมทั้งหมดของเขาออกอย่างช้า ๆ พร้อมปรายตาขึ้นมองใบหน้าของชัชนันท์อย่างเงียบ ๆ

แววตาของเขานั้นใสสะอาด มุมปากที่มีรอยยิ้ม และเรือนร่างที่ให้ความรู้สึกเยาว์วัยอันบริสุทธิ์และสะอาดสะอ้าน

เมื่อถูกเขาจ้องมองอย่างเงียบ ๆ เช่นนี้ ชัชนันท์รู้สึกว่ากระดูกของตัวเองนั้นเปราะแตกลงทั้งหมด

“คุณคิดได้หรือยัง” รอยยิ้มของธันวาค่อย ๆ ลุ่มลึกขึ้น

สายตาของเขาราวกับแสงคลื่นที่กระเพื่อม ส่องประกายวิบวับ

“ฉันและสามีของฉันรักกันมาก และตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนสามี ดังนั้น ขอโทษด้วยจริง ๆ “

ชัชนันท์มองธันวาด้วยใบหน้าที่จริงใจ ไม่มีความลังเลในการพูดเลยแม้แต่น้อย

เธอยอมรับว่า เขาเป็นคนดีมาก และมีเสน่ห์มากเช่นกัน

แต่ว่า เธอไม่เคยมีใจให้เขาเลย

“อย่าโกหกผมเลย ผมเคยได้ยินคุณนลินบอกว่า คุณกับสามีของคุณแยกกันอยู่” ธันวากล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของชัชนันท์ก็เปล่งออกมาด้วยความงุนงง

นลินไปพูดคำพวกนี้ให้ธันวาฟังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเธอ ธันวาจึงยิ้มอีกครั้ง “ตอนนั้นที่ผมเพิ่มเข้ามาที่บริษัท ผมเคยถามสถานการณ์ของเธอกับคุณนลิน เย็นวันนั้นพวกเรากลุ่มหนึ่งเลิกงานแล้วเอ่ยปากมาดื่มเหล้าด้วยกัน”

“ดื่มไปนาน สุดท้ายก็เหลือแค่เราสองคน พวกเราดื่มกันเยอะไปหน่อยทั้งคู่ ตอนนั้นผมก็เลยถามเธอว่าคุณโสดหรือเปล่า เธอบอกว่าไม่ใช่ จากนั้นผมก็ถามเธออีก เธอก็ไม่ตอบผมแล้ว”

“ผมก็เลยเทเหล้าให้เธออีก แล้วถามเธอต่อ จากนั้นเธอก็เปิดปากบอกผม ว่าความจริงคุณแต่งงานแล้ว แต่ว่าเธอกับสามีของเธอต่างคนต่างอยู่”

“เธอยังบอกผมอีกว่า พวกคุณจะเลิกกันในอีกไม่นาน” ธันวากล่าวอีก

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชัชนันท์รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย

ที่แท้ นลินปล่อยข่าวไหลออกไปแบบนี้นี่เอง

เจ้านี่ ดื่มแล้วเสียงานเสียการจริง ๆ ...

“ตอนนั้นมันเป็นแบบนี้ แต่ความสัมพันธ์ตอนนี้ของพวกเราเริ่มดีขึ้นมาแล้ว” ชัชนันท์สีหน้ามั่นคงไม่ถอดสี

“ผมไม่เชื่อ...อยากจะปฏิเสธผม ไปหาเหตุผลอื่นดีกว่าไหม ผมไม่เคยเห็นเขามาหาเธอเลย” สายตาของธันวาสงบนิ่ง

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือเปล่า มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด อีกอย่างฉันก็ไม่หย่ากับสามีของฉันด้วย เพราะงั้น คุณยกเลิกความคิดของคุณตั้งแต่เนิ่น ๆ ซะเถอะ อย่ามาเสียเวลากับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างฉันเลย”

“คุณดีขนาดนั้น ผู้หญิงที่ชอบคุณก็มีเยอะแยะ แค่คุณกวักมือเรียก ก็มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่ดีกว่าฉันเป็นหมื่นเท่าพร้อมมาส่งคุณถึงหน้าบ้าน” ชัชนันท์กล่าวเสริม

“ในโลกนี้ นอกจากเธอแล้ว ยังมีคนที่ดีกว่าอีกเหรอ” เขามองเธออย่างลึกซึ้ง พร้อมสายตาที่เริ่มลุ่มลึกขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว